นิเทศฯ DPU เปิดสตูดิโอจริง ปลุกฝันเด็กมัธยม สู่ Content Creator มืออาชีพ

10 สิงหาคม 2568
รัชพล ธนศุทธิสกุล
  • faculty-mobile

คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดสตูดิโอคอนเทนต์ ต้อนรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการเรียนเตรียมสอบนิเทศศาสตร์ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล โดยจำลองชีวิตการเรียนในหลักสูตรภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล เพื่อให้นักเรียนได้สัมผัสประสบการณ์จริงและค้นหาความสนใจด้านนิเทศศาสตร์ พร้อมกันนี้ยังได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์และโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาผู้ผลิตสื่อยุคใหม่ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568

โดยในพิธีเปิดกิจกรรมช่วงเช้า ผศ.ศิวนารถ หงษ์ประยูร คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ DPU ได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายสำคัญที่ต้องการให้นักเรียนได้ค้นพบสิ่งที่ตนเองชื่นชอบอย่างแท้จริง โดยอธิบายว่ากิจกรรมนี้ทำหน้าที่เป็นเสมือนบททดสอบให้นักเรียนได้พิจารณาว่าความสนใจในเบื้องต้นนั้นตรงกับความท้าทายและความเป็นจริงของสายงานหรือไม่ เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางการศึกษาในอนาคตได้อย่างถูกต้อง

ผศ.ศิวนารถ ยังได้เปิดเผยถึงเป้าหมายของคณะฯ ที่มุ่งมั่นจะ ปั้น Content Creator หน้าใหม่ ให้พร้อมสำหรับทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Social Media หรือ Traditional Media โดยหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็น “จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ” และเป็น “ประกายความคิดสำคัญในการค้นหาตัวเอง” ของนักเรียนทุกคน

“เราต้องการปั้น Content Creator หน้าใหม่ให้พร้อมสำหรับทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Social Media หรือ Traditional Media และที่สำคัญที่สุดคือการช่วยให้นักเรียนได้ค้นพบ ‘แพชชั่น’ ที่แท้จริงของตนเอง เพื่อที่พวกเขาจะได้เติบโตไปในทิศทางที่สนใจในสายงานนิเทศศาสตร์” คณบดีคณะนิเทศฯ ระบุ

สำหรับกิจกรรมในช่วงเช้า นักเรียนได้ลงมือสำรวจโลกภาพยนตร์ผ่านกิจกรรมการบรรยายและเวิร์กชอปในหลักสูตรภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล เพื่อการจำลองชีวิตการเรียนในฐานะนักศึกษานิเทศศาสตร์อย่างเต็มที่ โดยบรรยากาศภายในสตูดิโอคอนเทนต์ เต็มไปด้วยความคึกคักและกระตือรือร้น นักเรียนได้ใช้อุปกรณ์และสตูดิโอที่ได้มาตรฐานระดับมืออาชีพ พร้อมกับได้รับความรู้จากคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญแบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง


เริ่มต้นขั้นตอนแรกที่การ Pre-Production ของอาจารย์นิมิตร คินันติ ซึ่งได้มาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการเล่าเรื่องและการสร้างหนังสยองขวัญที่ต้องอาศัย “สูตร” การเล่นกับจิตวิทยาและความกลัว จากนั้นอาจารย์นภสร ลิ้มไชยาวัฒน์ ได้มาเสริมในส่วนของ Mise-en-scène หรือการจัดองค์ประกอบภาพเพื่อสร้างความน่ากลัว

ต่อมาในขั้นตอน Production อาจารย์นท พูนไชยศรี หัวหน้าหลักสูตรภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการใช้มุมกล้องและการจัดแสง และในขั้นตอน Post-Production ได้บรรยายถึงเทคนิคการตัดต่อและพลังของเสียงประกอบ โดยแนะนำให้นักเรียนใช้ โปรแกรม CapCut ในการสร้างสรรค์ผลงานของตนเอง

หลังได้รับความรู้และเคล็ดลับต่างๆ แล้ว นักเรียนกว่า 40 คน ได้ร่วมกันลงมือปฏิบัติสร้างภาพยนตร์สยองขวัญแนวตั้ง โดยมีโจทย์คือ การสร้างภาพยนตร์ความยาวไม่เกิน 2 นาที โดยคณะกรรมการจะพิจารณาผลงานจากหลายองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ความน่ากลัว, มุมภาพ, การเคลื่อนกล้อง, การใช้เสียง และการตัดต่อ ซึ่งผลปรากฎว่ามี 3 ทีมที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้โดดเด่นที่สุดจนได้รับรางวัล The Best พร้อมของที่ระลึก เรียกได้ว่าสร้างทั้งรอยยิ้มและความประทับใจให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี

นักเรียนหญิง 5 คนจากกลุ่ม “NoName” หนึ่งในสามทีมที่ได้รับรางวัล “The Best” ได้ร่วมกันแบ่งปันความรู้สึกอย่างเปิดอกว่า “ตอนแรกคิดว่าไม่ติดเลยค่ะ” เพราะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง ทั้งเรื่องเวลาที่จำกัดและประสบการณ์ที่ไม่เคยทำมาก่อน “คือถือกันมือชา ถ่ายกันหลายรอบมาก ตัดแบบตัดกลุ่มสุดท้าย ส่งกลุ่มสุดท้ายเลยค่ะ”

นอกจากความท้าทายด้านเวลาแล้ว พวกเธอยังบอกว่า การสร้างหนังสยองขวัญในเวลากลางวันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปกติจะทำคลิปสไตล์ “สดใส” และไม่เคยทำแนวนี้ จึงต้องอาศัยการ “บิ้วท์อารมณ์” ให้เข้าถึงความน่ากลัวได้ให้ได้มากที่สุด

“ไอเดียพวกเราก็คิดกันสด ๆ เลยค่ะ แล้วเราก็บิ้วท์กันเอง บอกเพื่อนให้เอาจิตใจเข้าไปก่อน และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากอาจารย์แล้วจำได้แม่น ๆ คือเรื่องมุมกล้อง การจัดแสง และการเล่าเรื่อง ซึ่งช่วยให้เราสามารถประยุกต์ใช้เทคนิคการใส่ซาวด์จาก TikTok มาทำให้งานดูน่ากลัวขึ้นได้จริงๆ”

ในฐานะนักเรียนที่เลือกแผนการเรียนเตรียมนิเทศศาสตร์ ทั้ง 5 คนยังยืนยันว่า กิจกรรมนี้ช่วยเปิดโลกได้ชัดเจน สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้หลากหลาย และนำไปใช้ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น “งานวิชาเรียน” “คลิปใน TikTok” หรือแม้แต่ “กิจกรรมภายในโรงเรียน” ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้พวกเธอมั่นใจมากขึ้นในเส้นทางที่เลือก พร้อมฝากความรู้สึกว่าอาจารย์และพี่ ๆ ทุกคนมีความเฟรนด์ลี่เป็นกันเอง และหวังว่าจะได้กลับมาเยือน DPU อีก

เพื่อร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนแนวทางการเรียนรู้ ในช่วงบ่ายยังมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล โดยมีท่านคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ และอาจารย์วิจิตร สมบัติวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้ร่วมลงนามหลักในพิธี โดยมีอาจารย์วรพงษ์ ปลอดมูสิก รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และหัวหน้าหลักสูตรการสื่อสารการตลาดดิจิทัล รับหน้าที่ดำเนินรายการและกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ พร้อมทั้งสร้างสีสันและความสนุกสนานตลอดพิธี

ในโอกาสนี้ ผศ.ศิวนารถ ยังได้กล่าวถึง การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการว่าเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของมหาวิทยาลัยในการร่วมพัฒนาการศึกษากับโรงเรียนระดับมัธยม โดยเฉพาะการสร้างรากฐานความเข้าใจเรื่องการผลิตเนื้อหาอย่างสร้างสรรค์ และเชื่อมโยงเข้ากับโลกการทำงานจริงผ่านแนวคิด “Beyond Content Creator”

“ยุคนี้ทุกคนเป็น Content Creator ทุกคนเป็นผู้ผลิตสื่อได้ แค่หยิบมือถือขึ้นมาก็ถ่ายได้ แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้เหนือกว่าคนอื่น” ผศ.ศิวนารถ กล่าว “ที่คณะฯ เราพร้อมต่อยอดให้ Advance ขึ้น ไม่ใช่แค่การสร้างสื่อ แต่คือการเข้าใจวิธีคิดเบื้องหลัง รวมถึง Mindset ที่จะพาเราเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี ผ่านการสนับสนุนด้านอุปกรณ์และการเรียนรู้จากอาจารย์ที่ทำงานจริงในสายอาชีพ เพื่อให้เรากลายเป็นผู้ผลิตสื่อที่ Beyond กว่าคนอื่นอย่างแท้จริง

โดยคณะนิเทศศาสตร์จะมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ใกล้เคียงกับการทำงานจริงมากที่สุด ตั้งแต่การรับโจทย์จากแบรนด์ การดีลงานกับองค์กร ไปจนถึงการสร้างผลงานที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้หลักสูตรสามารถเชื่อมต่อกับตลาดแรงงานได้โดยตรง ซึ่งถือเป็นแรงผลักดันสำคัญในการปูทางสู่การทำงานในอนาคตอย่างมั่นใจ

ด้าน อาจารย์วิจิตร สมบัติวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล ได้กล่าวขอบคุณมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งอยู่ในแผนการเรียนเตรียมสอบนิเทศศาสตร์ ได้มาสัมผัสบรรยากาศการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษาอย่างใกล้ชิด ผ่านกิจกรรมที่มีทั้งเวิร์กชอป การลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งช่วยเปิดโลกทัศน์และสร้างแนวทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับเด็กๆ นักเรียนได้เป็นอย่างดี

อาจารย์วิจิตรยังเสริมทิ้งท้ายว่า การเรียนนิเทศศาสตร์ถือเป็นการ “สร้างมูลค่าให้ตัวเองตั้งแต่วัยเรียน” และเป็นอาชีพที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด กิจกรรมลักษณะนี้จึงไม่เพียงแต่ “เปิดโลกทัศน์” เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่ช่วยวางรากฐานให้กับอนาคต และเป็นพื้นที่การเรียนรู้สำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนสามารถต่อยอดความรู้เพื่อประกอบอาชีพในอนาคตได้อย่างมั่นคง