
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดหลักสูตร “SUPER LBA รุ่นที่ 2” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ประธานในพิธี พร้อมด้วย อาจารย์ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ และคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมีผู้เข้าอบรมกว่า 100 คน ณ อาคารสนม สุทธิพิทักษ์ อนุสรณ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ในช่วงเช้ามีการปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “หลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน” โดยดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และในช่วงบ่ายมีการบรรยายพิเศษ หัวข้อ “เทคนิคการทำความเข้าใจกับกฎหมายให้เป็นเรื่องง่าย” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มุนินทร์ พงศาปาน อดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้ความรู้กับนักศึกษา SUPER LBA รุ่นที่ 2
ดร.ดาริกา กล่าวเปิดหลักสูตร SUPER LBA รุ่นที่ 2 ว่า ตนเองเรียนหลักสูตร SUPER LBA รุ่นที่ 1 เมื่อได้ฟังการนำเสนอหลักสูตร SUPER LBA รุ่นที่ 2 โดย ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ก็รู้สึกว่า “รุ่นที่สองนี้มีความครบถ้วน ตกผลึก และพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดด้วยเนื้อหาของ AI ที่เกี่ยวกับกฎหมาย มีระบบประเมินผลที่ชัดเจนขึ้น และมีกิจกรรมเสริม เช่น ระบบ “สะสมคะแนน” และกิจกรรม Workshop ต่างๆ ที่ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียนได้อย่างน่าสนใจ โดยหลักสูตร SUPER LBA เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการศึกษาที่น่าจับตามองที่สุดของมหาวิทยาลัย เพราะไม่ใช่เพียงหลักสูตรที่สอนเฉพาะวิชากฎหมาย เทคโนโลยี หรือบริหารธุรกิจเท่านั้น แต่เป็นการบูรณาการหลายศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้นำที่สามารถนำความรู้ทางกฎหมายไปประยุกต์ใช้ในโลกธุรกิจและสังคมจริง
“ที่ผ่านมายังไม่เคยมีคณะหรือหลักสูตรใดในมหาวิทยาลัยที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มผู้นำระดับสูงเช่นนี้มาก่อน ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงแรกดิฉันก็รู้สึกกังวล เพราะเราไม่เคยดูแลกลุ่มผู้เรียนที่เป็นผู้นำธุรกิจระดับสูงโดยตรงมาก่อน แต่เมื่อได้เห็นการทำงานของคณะนิติศาสตร์ และผลตอบรับจากรุ่นแรก ก็รู้สึกมั่นใจว่าเรามาถูกทาง” ดร.ดาริกา กล่าว
ในการแนะนำมหาวิทยาลัย ดร.ดาริกา กล่าวถึงความเป็นมาของ DPU ในฐานะมหาวิทยาลัยเอกชนยุคบุกเบิกของประเทศไทยที่ก่อตั้งขึ้นเกือบ 60 ปี โดยมีผู้ก่อตั้งคือ ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ และ อาจารย์สนั่น เกตุทัต ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภาคเอกชนของไทย พร้อมชี้ให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยมีความผูกพันกับแวดวงกฎหมายมายาวนาน ตั้งแต่ยุคที่ ดร.ไสว เคยดำรงตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์มาก่อน
ในช่วงท้ายของการกล่าวเปิด ดร.ดาริกา ยังได้เกริ่นถึงประเด็นที่น่าสนใจในการบรรยายที่เธอจะร่วมพูดคุยกับผู้เรียนในเดือนถัดไป ซึ่งจะเน้นเรื่อง “การศึกษาไทยในบริบทโลก” โดยจะชวนถอดบทเรียนเกี่ยวกับระบบการศึกษานานาชาติ ความท้าทายของโรงเรียนนานาชาติในไทย และเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนนานาชาติในระดับโลก
“สิ่งเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับความเข้าใจเรื่อง Soft Power การจัดการศึกษาในระดับนโยบาย และการวางตำแหน่งของประเทศไทยในระบบการศึกษาสากล ซึ่งคิดว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ความรู้ที่น่าจะช่วยเติมเต็มมุมมองของผู้เข้าอบรมได้” อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวปิดท้าย
ด้านอาจารย์ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ประธานกรรมการหลักสูตร SUPER LBA รุ่นที่ 2 กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตร “SUPER LBA รุ่นที่ 2” พร้อมถ่ายทอดวิสัยทัศน์และแนวคิดเบื้องหลังหลักสูตรที่ผสมผสานกฎหมายเข้ากับบริบทธุรกิจ เทคโนโลยี และคุณธรรม เพื่อตอบโจทย์ผู้นำยุคใหม่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ดร.สุทธิพล เปิดเผยว่า คณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ ได้รับเกียรติใช้นาม “ปรีดี พนมยงค์” ต่อท้ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2552 โดยได้รับอนุญาตจากมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจและเกียรติสูงสุดของคณะฯ ในการสืบสานเจตนารมณ์ของรัฐบุรุษอาวุโสผู้เป็นแบบอย่างของนักนิติศาสตร์ที่มีทั้งความรู้และคุณธรรม
ดร.สุทธิพล กล่าวว่า SUPER LBA ไม่ได้เน้นสอนเพียงว่ากฎหมายคืออะไร และไม่ได้เน้นในเรื่องทฤษฎีของกฎหมายแต่เน้น “การประยุกต์ใช้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำกฎหมายไปช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทโลกยุคใหม่ หลักสูตรถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Legal Design Thinking” โดยดึงประเด็นจากประสบการณ์จริงของผู้เรียนมาวิเคราะห์ สกัด Pain Point เพื่อออกแบบวิธีเรียนรู้ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล
“เราไม่ต้องการผลิตนักกฎหมายที่รู้แค่ข้อกฎหมาย แต่ต้องเป็นนักกฎหมายที่มีภาวะผู้นำทางความคิด เข้าใจธุรกิจ เข้าใจความเสี่ยง รู้เท่าทันเทคโนโลยี และมีคุณธรรม” ดร.สุทธิพล กล่าว
โดยหลักสูตร SUPER LBA รุ่นที่ 2 มีความโดดเด่นหลายด้าน ทั้งรูปแบบการเรียนรู้แบบบูรณาการ เช่น การเรียนรู้ผ่านกรณีศึกษา (case-based), บทบาทสมมุติในศาลจำลอง (moot court), Workshop แบบกลุ่ม และการเสวนากับวิทยากรตัวจริงจากภาคธุรกิจ คณาจารย์และวิทยากรชั้นนำ และประเด็นการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ยุคใหม่ เช่น Cybersecurity, PDPA, ESG & Sustainability, Dispute Resolution, Tax Planning, และการบริหารความเสี่ยงโดยใช้กฎหมาย
นอกจากนี้ยังมีการดูงานภายในประเทศและต่างประเทศ โดยในปีนี้ ผู้เรียนจะได้เยี่ยมชมโรงงานผลิตอาหารที่เพชรบุรี และเตรียมไปดูงานด้าน Cybersecurity ที่ประเทศออสเตรียและอิตาลี ในงานประชุมระดับโลก “Cybersecurity Conference 2025” จัดโดย National Cybersecurity Office
ดร.สุทธิพล เน้นย้ำว่า หลักสูตร SUPER LBA รุ่นที่ 2 พัฒนาต่อยอดจากรุ่นแรก โดยอิงจากข้อเสนอแนะและประสบการณ์ของผู้เรียน เช่น การจัดการเรียนรู้แบบ Design Legal Thinking, การจับประเด็นข้อกฎหมายที่เชื่อมโยงกับธุรกิจจริง, และการใช้เทคนิคการสอนที่ตอบโจทย์ผู้บริหารระดับสูงที่ไม่ใช่นักกฎหมายโดยตรง อีกทั้งภายในหลักสูตรยังจัดให้มีการบรรยายพิเศษจากผู้นำระดับประเทศ ที่จะมาแบ่งปันกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน (Sustainability in Practice)
ขณะที่ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้รับเกียรติเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในพิธีเปิดหลักสูตร “SUPER LBA รุ่นที่ 2” ของคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ โดยได้กล่าวถึงสถานการณ์โลกปัจจุบัน ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และทางออกที่แท้จริงผ่านแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งถือเป็นมรดกทางปัญญาอันทรงคุณค่าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ดร.สุเมธ ชี้ให้เห็นว่าโลกปัจจุบันเผชิญวิกฤตหลายด้าน ทั้งความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สงคราม และการพัฒนาแบบไร้สมดุล ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแนวคิดทุนนิยมที่เน้นการเติบโตทางตัวเลขมากกว่าคุณภาพชีวิต พร้อมเตือนว่าหากการพัฒนาไม่ตั้งอยู่บนหลักคุณธรรม ย่อมไม่อาจนำไปสู่ความยั่งยืนที่แท้จริงได้
ทางออกที่สำคัญคือ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเน้นความพอดี มีเหตุผล และภูมิคุ้มกัน โดยมีคุณธรรมเป็นพื้นฐาน ดร.สุเมธ ย้ำว่า การพัฒนาต้องไม่ละเลยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และไม่เดินตามแนวทางตะวันตกแบบไร้การปรับใช้ เพราะ “การวินิจฉัยปัญหาประเทศผิด ย่อมนำไปสู่ความล้มเหลว เหมือนหมอวินิจฉัยโรคผิดแล้วทำให้คนไข้ตาย”
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ยังกล่าวปิดท้ายด้วยการสะท้อนบทบาทของการศึกษา ว่าควรส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทั้งความรู้ ความเข้าใจโลก และหัวใจที่แข็งแรงพอจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า โดยความรู้ที่ไม่มีคุณธรรมจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างแท้จริง
รองศาสตราจารย์ ดร.มุนินทร์ พงศาปาน อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้บรรยายหัวข้อ “เทคนิคการทำความเข้าใจกับกฎหมายให้เป็นเรื่องง่าย” โดยชี้ให้เห็นว่า กฎหมายไม่ใช่เรื่องซับซ้อนห่างไกล แต่เป็นสูตรแห่งเหตุและผลที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์องค์ประกอบทางกฎหมาย ทั้ง “เหตุ” และ “ผลทางกฎหมาย” โดยเฉพาะในกฎหมายอาญาที่ต้องเขียนให้ชัดเจนที่สุด เนื่องจากมีผลต่อการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
รองศาสตราจารย์ ดร.มุนินทร์ ได้ยกตัวอย่างมาตรา 15 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งรวม 3 หลักกฎหมายไว้ในมาตราเดียว ทั้งเรื่องการเริ่มต้นและสิ้นสุดของสภาพบุคคล รวมถึงการให้สิทธิย้อนหลังแก่ทารกในครรภ์ โดยแนะเทคนิคให้เข้าใจง่ายผ่านการแยกโครงสร้าง “ประโยคกฎหมาย” ออกเป็นประธาน กริยา และกรรม เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ประโยคในทางภาษา ซึ่งช่วยให้ตีความกฎหมายได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
ในอีกมุมหนึ่ง รองศาสตราจารย์ ดร.มุนินทร์ ได้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง “กฎหมายทั่วไปกับกฎหมายเฉพาะ” โดยเน้นว่า กฎหมายเฉพาะต้องใช้ก่อน หากไม่ครอบคลุมจึงอาศัยกฎหมายทั่วไปมาเสริม และยังกล่าวถึงข้อถกเถียงในการใช้ “ดุลยพินิจ” ของเจ้าหน้าที่รัฐและศาล ซึ่งหากไม่มีเกณฑ์ชัดเจนรองรับ อาจนำไปสู่ความไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ระบบศาลปกครองของไทยมีหลักตรวจสอบดุลยพินิจ เช่น หลักความได้สัดส่วนและความสมเหตุสมผล เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนได้อย่างแท้จริง