CIMw DPU เปิดหลักสูตรสุขภาพและความงาม ปั้นผู้นำธุรกิจสู่เวทีโลกยุคใหม่

09 เมษายน 2568
รัชพล ธนศุทธิสกุล
  • faculty-mobile

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ ที่สุขภาพและความงามไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกอีกต่อไป แต่กลายเป็น “คุณค่าใหม่” ที่สะท้อนถึงคุณภาพชีวิตและวิถีเศรษฐกิจของผู้คนในสังคมยุคปัจจุบัน อุตสาหกรรมสุขภาพจึงกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก และการมีผู้นำที่เข้าใจทั้งศาสตร์สุขภาพ ความงาม และการบริหารธุรกิจอย่างรอบด้าน จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไกลสู่อนาคต มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดยวิทยาลัยการแพทย์แบบบูรณาการ (CIMw) จึงเปิดตัวหลักสูตรบัณฑิตศึกษาใหม่ “การจัดการธุรกิจสุขภาพและความงาม” ทั้งในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ผศ.นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ คณบดี CIMw โดยหลักสูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีองค์ความรู้ครอบคลุมทั้งเวชศาสตร์ การจัดการ จิตวิทยา และเทคโนโลยี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสุขภาพยุคใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ

ต่อยอดประสบการณ์ สร้างหลักสูตรขับเคลื่อนสุขภาพยุคใหม่

ดร.พีระยุทธ มั่งคั่ง รองคณบดี CIMw ในฐานะประธานหลักสูตร เปิดเผยว่า หลักสูตรใหม่นี้ต่อยอดมาจากความสำเร็จของหลักสูตรบัณฑิตศึกษา “วิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ” ซึ่งเปิดสอนมาตั้งแต่ ปี 2543 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เรียนและภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

“ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา เราได้ผลิตบุคลากรที่มีองค์ความรู้ด้านสุขภาพมากมาย แต่เราก็พบว่านักศึกษาที่จบการศึกษาแม้จะมีพื้นฐานความรู้ด้านสุขภาพ แต่ยังขาดทักษะในด้านการบริหารจัดการ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการนำองค์ความรู้ทางการแพทย์ไปต่อยอดเป็นธุรกิจหรือบริการที่ตอบโจทย์ยุคใหม่ วิทยาลัยจึงพัฒนาหลักสูตรใหม่ที่รวมเอา “การบริหารจัดการ” เข้ากับความรู้ด้าน “สุขภาพและความงาม” อย่างลึกซึ้งและรอบด้าน” รองคณบดี CIMw กล่าว

หลักสูตรดังกล่าวจึงครอบคลุมตั้งแต่ระดับปฏิบัติการ ไปจนถึงระดับบริหารและนโยบาย โดยเปิดใน 2 ระดับ ได้แก่ Master of Science Program in Management in Health and Beauty ที่มุ่งพัฒนานักบริหาร ผู้จัดการ หรือผู้ประกอบการให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ Doctor of Philosophy Program in Management in Health and Beauty มุ่งผลิตผู้นำระดับสูง ผู้กำหนดทิศทางองค์กร หรือเจ้าของกิจการที่ต้องการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนผ่านการวิจัยและนวัตกรรม

เนื้อหาของหลักสูตรครอบคลุมทั้งความรู้ด้านวิทยาการชะลอวัย โภชนศาสตร์ สารเสริมอาหาร วิทยาศาสตร์ความงาม จิตวิทยาการบริการ ภาวะผู้นำ การบริหารทรัพยากรบุคคล กลยุทธ์องค์กร การตลาดยุคใหม่ รวมไปจนถึงกฎหมายธุรกิจ โดยเน้นการประยุกต์ใช้จริงในเชิงบริหารและการประกอบธุรกิจ

รูปแบบการเรียนที่ตอบโจทย์ผู้บริหาร ผู้ประกอบการและคนทำงาน

รองคณบดี CIMw อธิบายต่อว่า สำหรับการเรียนการสอนของทั้งสองหลักสูตรจะใช้โมเดลการเรียนแบบ weekend program เรียนเฉพาะวันอาทิตย์ เพื่อรองรับผู้ที่มีงานประจำหรือเป็นเจ้าของกิจการ พร้อมเปิดรับผู้ที่ไม่ได้จบสายวิทยาศาสตร์ ด้วยโปรแกรมปรับพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงามในช่วงเดือนมิถุนายน–กรกฎาคม ก่อนเริ่มเรียนจริงในเดือนสิงหาคม 2568

นอกจากนี้ หลักสูตรยังเน้นการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีการศึกษาดูงานในองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น โรงพยาบาล บริษัทอาหารเสริม โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ไปจนถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์และ OEM เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้แนวคิดเบื้องหลังความสำเร็จอย่างรอบด้าน

“ผู้เรียนจะได้เข้าใจตั้งแต่รากฐานของสุขภาพและความงาม ไปจนถึงการบริหารจัดการธุรกิจในโลกจริง ไม่ใช่แค่การเรียนภาคทฤษฎี แต่เป็นการสร้างความเข้าใจเชิงประจักษ์ผ่านการลงมือปฏิบัติ และมองเห็นภาพรวมของอุตสาหกรรมแบบ Bird’s Eye View” รองคณบดี CIMw ระบุ

ดึงผู้เชี่ยวชาญศาสตร์สุขภาพและการจัดการร่วมหลักสูตร

ดร.พญ.ญัฐฐาภณิตา รพีพงษ์พัฒนา ผู้อำนวยการหลักสูตร กล่าวว่า จุดแข็งสำคัญของหลักสูตร “การจัดการธุรกิจสุขภาพและความงาม” คือการเชิญผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจากแวดวงสุขภาพและแวดวงธุรกิจ มาร่วมออกแบบและถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในบริบทของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Health) และการบริการเฉพาะบุคคล (Personalized Health) ที่กำลังเป็นเทรนด์หลักในระดับโลก หลักสูตรนี้จึงไม่ได้มุ่งแค่การสอนทฤษฎี แต่พัฒนาเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริงในธุรกิจและองค์กรได้ทันที

ด้วยพื้นฐานความรู้ของตนเองเป็นแพทย์ที่มีพื้นฐานทางวิชาการหลากหลาย ทั้งในด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ จิตวิทยาการบริหารองค์กร และการบริหารการพัฒนาภาครัฐและเอกชน ประสบการณ์การศึกษาและทำงานในหลากหลายศาสตร์ ทำให้สามารถออกแบบหลักสูตรที่เชื่อมโยงมุมมองทางสุขภาพ เข้ากับการจัดการองค์กรและกลยุทธ์ธุรกิจสมัยใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เรามองว่า ความรู้ด้านการแพทย์หรือความงามอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป ผู้เรียนต้องสามารถนำความรู้เหล่านั้นไปสร้างธุรกิจหรือขับเคลื่อนองค์กรได้จริง ซึ่งต้องอาศัยการเข้าใจทั้งด้านการตลาด การเงิน การพัฒนาคน และเทคโนโลยีด้วย” ผู้อำนวยการหลักสูตร กล่าว

ผู้เรียนคือผู้นำธุรกิจยุคใหม่ที่เข้าใจทั้งสุขภาพและกลยุทธ์

หลักสูตรนี้เหมาะกับ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.บุคลากรสายสุขภาพ เช่น แพทย์ เภสัชกร หรือนักวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่ต้องการเสริมความรู้ด้านการบริหาร การตลาด และนวัตกรรม เพื่อบริหารคลินิก ศูนย์สุขภาพ หรือสร้างแบรนด์ของตนเอง 2.ผู้บริหารหรือเจ้าของธุรกิจ ที่มีความสนใจด้านสุขภาพและความงาม แต่ยังขาดพื้นฐานด้านการแพทย์ โดยหลักสูตรจะมีวิชาปรับพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพให้ในช่วงก่อนเปิดภาคเรียน ซึ่งการเรียนร่วมกันของทั้งสองกลุ่มนี้จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เกิดการเรียนรู้ข้ามศาสตร์ และสร้างแนวคิดทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีความเป็นไปได้สูงในเชิงปฏิบัติ

หลักสูตรยังเน้นการพัฒนาแนวคิดทางการบริหารธุรกิจแบบรอบด้านผ่าน 4 แกนหลัก ได้แก่ 1.การตลาดวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค แนวโน้มตลาด และวางกลยุทธ์การตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย 2.การผลิต/บริการ เข้าใจคุณภาพสินค้าและการบริการสุขภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ผู้รับบริการ 3.การบริหารคนพัฒนาศักยภาพบุคลากร การบริหารทีมงาน และการสร้างองค์กรแห่งความสุข และ 4.การเงิน วางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การบริหารกระแสเงินสดไปจนถึงการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจ

ปรับตัวรับเทรนด์ “Future Health” ป้องกันดีกว่ารักษา

ดร.ญัฐฐาภณิตา ชี้ว่า เทรนด์สุขภาพที่มาแรงที่สุดขณะนี้คือแนวคิด “Preventive & Personalized Health” ซึ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบเชิงป้องกันควบคู่ไปกับการดูแลแบบเฉพาะบุคคล ผู้บริโภคในยุคใหม่ต้องการสุขภาพที่ดีในแบบที่เหมาะสมกับตนเอง ไม่ใช่แค่การรักษาเมื่อเจ็บป่วย แต่ให้ความสำคัญกับการมีแผนดูแลตัวเองอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ไปจนถึงการเลือกใช้บริการสุขภาพและความงามที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล

“ข้อมูลเชิงสถิติยังสะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ เช่น ฟิตเนส โภชนาการเฉพาะบุคคล และเวลเนสคลินิก มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดต้องการบุคลากรที่สามารถผสานความรู้ด้านสุขภาพกับความเข้าใจในเชิงบริหารได้ในคนเดียวกัน หลักสูตรนี้จึงเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจสุขภาพในอนาคต รวมถึงผู้บริหารที่มุ่งพัฒนาองค์กรด้านสุขภาพและความงามให้เติบโตอย่างยั่งยืนและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่” ดร.ญัฐฐาภณิตา กล่าวทิ้งท้าย