
ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ หนึ่งในผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ที่ได้รับความสนใจในงาน มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025) ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Research for All เชื่อมต่ออนาคตไทย ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” คือ โครงการ AI for Stock Management นวัตกรรมเพื่อการจัดการสต๊อกสินค้าอย่างชาญฉลาดที่ออกแบบให้ใช้เพียงโทรศัพท์มือถือในการจัดการสต๊อก แทนการใช้เครื่อง Barcode Scanner หรือเครื่อง POS ขนาดใหญ่ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเสริมด้วยฟังก์ชัน AI สำหรับพยากรณ์ยอดขายและการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์ร้านค้าขนาดเล็กที่ต้องการระบบบริหารจัดการที่คล่องตัวและคุ้มค่า
ผลงานนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ดร.ทศพล เศรษฐวัชราวนิช หัวหน้าหลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ นางสาวศุภดา สุทธา อาจารย์ปฏิบัติการ ผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งได้ถ่ายทอดแนวคิดและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมนี้เพื่อแก้ไขปัญหาที่พบในธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถจัดการสต๊อกสินค้าได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน
แรงบันดาลใจจากร้านมะพร้าว สู่แอปจัดการสต๊อกที่ตอบโจทย์จริง
นางสาวศุภดา เล่าว่า โครงการ AI for Stock Management เป็นโครงงานปีสุดท้ายในระดับปริญญาตรี หลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี (CITE) ของ DPU ประจำปีการศึกษา 2567 ที่มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้ฝึกฝนการนำความรู้ที่เรียนมา ทั้งด้านการเขียนโปรแกรม การออกแบบระบบ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี มาสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและสังคม
“แรงบันดาลใจของโครงการนี้เกิดจากประสบการณ์ตรงที่ได้มีโอกาสไปช่วยงานในร้านขายมะพร้าวขนาดเล็ก ซึ่งระหว่างการทำงานพบปัญหาการจัดการสต๊อกสินค้าที่ขาดความเป็นระบบ ข้อมูลสต๊อกที่พนักงานบันทึกในแต่ละวันมักไม่ตรงกับข้อมูลที่เจ้าของร้านมีอยู่ อีกทั้งสินค้าที่เข้ามาหน้าร้านในแต่ละวันก็ไม่ตรงกับข้อมูลเดิม ทำให้เจ้าของร้านต้องคอยสอบถามพนักงานอยู่เสมอว่าสินค้าเหลืออยู่กี่ชิ้น ซึ่งนอกจากจะเสียเวลาในการตรวจสอบแล้ว ยังสร้างความสับสนและอาจนำไปสู่ความผิดพลาดในการจัดสต๊อกสินค้า”ผู้ร่วมพัฒนาโครงการ AI for Stock Management กล่าว
จากปัญหาที่พบตนจึงเริ่มเก็บข้อมูลยอดขายและสต๊อกสินค้าของร้านอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 432 วัน เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันสำหรับจัดการสต๊อก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เจ้าของร้านสามารถตรวจสอบข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ลดความผิดพลาดจากการบันทึกข้อมูล และไม่จำเป็นต้องคอยสอบถามพนักงานเกี่ยวกับสต๊อกสินค้าอยู่ตลอดเวลา
แอปเดียวจบ ครบทั้งสแกน ขาย ดูสต๊อก และพยากรณ์ยอดล่วงหน้า
สำหรับรูปแบบและจุดเด่นของแอปพลิเคชัน ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ 1.Mobile Application สำหรับพนักงานหน้าร้าน โดยใช้โทรศัพท์มือถือในการสแกนสินค้าและบันทึกข้อมูลได้ทันที ซึ่งช่วยให้ร้านค้าลดต้นทุน เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่อง POS ขนาดใหญ่ที่มีราคาสูง 2.Web Application สำหรับเจ้าของร้าน ใช้สำหรับตรวจสอบข้อมูลสต๊อกและยอดขายแบบเรียลไทม์ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่และทุกเวลา
นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน AI for Stock Management ยังนำเอาปัญญาประดิษฐ์ AI ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญมาช่วยคาดการณ์การสั่งซื้อสินค้าสำหรับวันถัดไป โดย AI จะวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายในอดีต เพื่อช่วยให้เจ้าของร้านตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นว่า ควรสั่งสินค้าชนิดใดและจำนวนเท่าใด ความแม่นยำในการคาดการณ์ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 73% ซึ่งถือว่าช่วยให้การวางแผนแม่นยำขึ้น
“หลังจากที่เราได้พัฒนาแอปพลิเคชันต้นแบบแล้ว ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากร้านค้าขนาดเล็กจำนวน 30 แห่ง ที่ยังไม่มีระบบจัดการสต๊อก พบว่าร้านค้าส่วนใหญ่ยังคงใช้เครื่อง POS ที่มีต้นทุนสูง แอปพลิเคชันของเราจึงตอบโจทย์ได้ดีเพราะใช้แค่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว อีกทั้งออกแบบให้ใช้งานง่าย ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี หรือไม่เคยใช้โปรแกรมพื้นฐาน เช่น Microsoft Excel ก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ยุ่งยาก ซึ่งร้านค้าหลายแห่งที่ได้ทดลองใช้ต่างให้ความเห็นตรงกันว่า แอปพลิเคชันนี้ช่วยลดภาระงาน ลดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล และทำให้การทำงานประจำวันสะดวกและรวดเร็วขึ้นมาก” ผู้ร่วมพัฒนาโครงการ AI for Stock Management ระบุ
ยกระดับจากร้านต้นแบบ สู่ธุรกิจขนาดเล็กทั่วไทย
นางสาวศุกภดา อธิบายว่า ขณะนี้แอปพลิเคชัน AI for Stock Management ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา และยังไม่ได้เปิดให้ร้านค้าอื่นติดตั้งใช้งาน นอกจากร้านขายมะพร้าวซึ่งใช้เป็นร้านต้นแบบ ทั้งนี้ ทีมผู้พัฒนามีแผนว่า เมื่อระบบได้รับการพัฒนาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและพร้อมใช้งานแล้ว จะเปิดให้ร้านค้าขนาดเล็กทั่วไปสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ผ่าน Play Store เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกตามความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละธุรกิจ
โครงการนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การพัฒนานวัตกรรมเพื่อธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีให้นักศึกษาได้เรียนรู้ครบทุกกระบวนการ ตั้งแต่การออกแบบระบบ การเขียนโปรแกรม การพัฒนาเว็บไซต์ การสร้างแอปพลิเคชันจริง ไปจนถึงการนำไปทดลองใช้ในสถานการณ์จริง ถือเป็นประสบการณ์ที่ช่วยเสริมสร้างทักษะทั้งด้านวิชาการและการประยุกต์ใช้ได้อย่างรอบด้าน ซึ่งไม่เพียงสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ยังพัฒนาศักยภาพและความพร้อมของนักศึกษาในการก้าวสู่สายงานวิชาชีพในอนาคตได้อย่างมั่นใจ