บทสรุปเวทีสัมมนา “เส้นทางสู่ความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบินของไทย"

05 เมษายน 2568
สถาวร เลิศสุวรรณกุล
  • faculty-mobile

อุตสาหกรรมการบินไทยกับภารกิจสีเขียว: จากความท้าทายสู่โอกาสในยุคใหม่

เมื่อพูดถึงการเดินทางในศตวรรษที่ 21 เครื่องบินคือสิ่งที่ทำให้โลกใบนี้เล็กลง ผู้คนสามารถข้ามทวีปได้ในไม่กี่ชั่วโมง ธุรกิจขยายตัวข้ามพรมแดน และการท่องเที่ยวกลายเป็นอุตสาหกรรมมหาศาล แต่เบื้องหลังความสะดวกสบายนี้กลับซ่อนเงาของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่หลวง

อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 2-3% ของปริมาณทั้งหมดที่มนุษย์สร้างขึ้น ตัวเลขนี้อาจดูเล็ก แต่เมื่อคำนึงถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสองเท่าในอีก 15 ปีข้างหน้า ความเร่งด่วนในการหาทางออกจึงกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ประเทศไทยในจุดเปลี่ยนสำคัญ

ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองเป็นประตูสู่โลกของนักท่องเที่ยวหลายล้านคน ขณะที่สายการบินไทยต่างๆ ก็ขยายเส้นทางการบินอย่างต่อเนื่อง

การตื่นตัวของภาคการบินไทยต่อประเด็นความยั่งยืนปรากฏชัดเจนจากการจัดงาน "SDGs in Thailand Aviation Industry Forum" โดย CADT มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ร่วมกับชมรมสถาบันการศึกษาและบุคลากรด้านการบินประเทศไทย

งานเสวนาครั้งนี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจาก IATA, การบินไทย, ไทยแอร์เอเชีย, Siam Land Flying, ไทยไลอ้อนแอร์ และการบินกรุงเทพ มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

เป้าหมาย Net Zero: จากความฝันสู่ความเป็นจริง

องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ได้ตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยานแต่จำเป็น คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050

เป้าหมายนี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่เป็นแผนงานที่ต้องการการปฏิรูปครั้งใหญ่ในทุกมิติของอุตสาหกรรม ตั้งแต่การออกแบบเครื่องบิน การเลือกเชื้อเพลิง ไปจนถึงการจัดการสนามบิน

สำหรับประเทศไทย การมีส่วนร่วมในเป้าหมายนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อโลก แต่ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมให้ก้าวหน้าและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

นวัตกรรมที่เปลี่ยนโฉมหน้าการบิน

เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (SAF): หัวใจของการเปลี่ยนแปลง

หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ซึ่งสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงเครื่องบินทั่วไป

ในประเทศไทย บางสายการบินได้เริ่มทดลองใช้ SAF แล้ว แม้ว่าราคาจะยังสูงกว่าเชื้อเพลิงปกติประมาณ 3-5 เท่า แต่การลงทุนในระยะยาวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืน

เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจัดการเที่ยวบินก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ระบบ One ID ช่วยลดการใช้เอกสารกระดาษ ขณะที่ระบบ ONE Record ปรับปรุงการจัดการโลจิสติกส์ให้เป็นดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการคาดการณ์ปริมาณอาหารบนเครื่องบินช่วยลดปัญหาอาหารเหลือทิ้ง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในอุตสาหกรรมการบิน

ความพยายามของสายการบินของไทย

การปรับปรุงฝูงบิน

สายการบินต่างๆ ในประเทศไทยได้เริ่มปรับปรุงฝูงบินโดยเลือกใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงกว่า เครื่องบินรุ่นใหม่อย่าง Airbus A350 หรือ Boeing 787 ใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่องบินรุ่นเก่าถึง 20-25%

การปรับปรุงเส้นทางการบิน

การเลือกเส้นทางการบินที่เหมาะสมช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมาก ระบบการจัดการการจราจรทางอากาศที่ทันสมัยช่วยให้เครื่องบินสามารถบินในเส้นทางที่สั้นที่สุดและใช้เวลาน้อยที่สุด

การจัดการขยะและทรัพยากร

โครงการจัดการขยะบนเครื่องบินอย่างเป็นระบบ การลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียว และการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานความยั่งยืน

บทบาทภาครัฐที่ขาดไม่ได้

การปฏิรูปอุตสาหกรรมการบินไม่สามารถทำได้ด้วยพลังของภาคเอกชนเพียงอย่างเดียว ภาครัฐมีบทบาทสำคัญหลายประการ:

การสนับสนุนทางการเงิน

การตั้งกองทุนสนับสนุนสายการบินที่ลงทุนด้านความยั่งยืน การลดภาษีนำเข้าสำหรับ SAF และอุปกรณ์เทคโนโลยีสีเขียว จะช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

สนามบินที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูง ระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อกับสนามบิน และโรงงานผลิต SAF ในประเทศล้วนต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ

การกำหนดนโยบายและมาตรฐาน

การกำหนดมาตรฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมการบิน และการสร้างระบบการรับรองคาร์บอนเครดิตจะช่วยสร้างกรอบการทำงานที่ชัดเจน

ความท้าทายที่ยังต้องเผชิญ

ต้นทุนที่สูงขึ้น

การเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีใหม่และเชื้อเพลิงยั่งยืนมีต้นทุนสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาตั๋วเครื่องบิน การหาจุดสมดุลระหว่างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันจึงเป็นเรื่องสำคัญ

การยอมรับของผู้โดยสาร

ผู้โดยสารจำนวนมากยังคงให้ความสำคัญกับราคาเป็นหลัก การสร้างความเข้าใจและจิตสำนึกในเรื่องความยั่งยืนจึงต้องใช้เวลาและความพยายาม

การขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ

เทคโนโลยีใหม่ๆ ต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะด้าน การพัฒนาบุคลากรให้รองรับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน

แนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศ

ประเทศไทยไม่ได้เดินหน้าเพียงลำพัง การร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะช่วยสร้างมาตรฐานร่วมและเศรษฐกิจการขนาด

การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การพัฒนาเส้นทางการบินที่มีประสิทธิภาพร่วมกัน และการสร้างเครือข่ายการผลิตและจำหน่าย SAF ในภูมิภาคล้วนเป็นโอกาสที่ประเทศไทยควรไม่พลาด

การศึกษาและการพัฒนาบุคลากร

วิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบินของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์และสถาบันการศึกษาอื่นๆ มีบทบาทสำคัญในการผลิตบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความรู้และทักษะด้านการบินยั่งยืน

การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นเทคโนโลยีสีเขียว การจัดการสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมการบินจะช่วยสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

มองไปข้างหน้า: อนาคตของการบินของไทย

การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการบินไปสู่ความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำในภูมิภาคหากสามารถรวมพลังของทุกภาคส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดงาน "SDGs in Thailand Aviation Industry Forum" เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

ในไม่ช้าเมื่อผู้โดยสารมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาจะไม่เพียงเห็นเครื่องบินที่นำพาความสะดวกสบาย แต่จะเห็นสัญลักษณ์ของความหวังและความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้

ทุกเที่ยวบินจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และท้องฟ้าเหนือประเทศไทยจะเป็นเวทีแสดงให้โลกเห็นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินไปพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ