ปิดตำรา เปิดโรงงาน นศ.ปี 2 โลจิสติกส์ฯ CIBA-DPU เรียนรู้โลกทำงานผ่านปัญหาจริง

04 พฤษภาคม 2568
รัชพล ธนศุทธิสกุล
  • faculty-mobile

หลักสูตรโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ยกระดับการเรียนรู้มิติใหม่ ผ่านโปรเจกต์บูรณาการที่ให้นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ได้ก้าวออกจากห้องเรียนไปยังสถานประกอบการจริง เพื่อสัมผัสประสบการณ์ตรงในการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยแนวคิด Lean และการจัดการคุณภาพในโซ่อุปทาน (TQM)

โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา LS343 ลีนโลจิสติกส์และการปรับปรุงผลิตภาพ และ LS344 การจัดการคุณภาพโดยรวมในโซ่อุปทาน ซึ่งในปี 2568 นี้ ได้เปลี่ยนแนวทางจากเดิมที่ให้นักศึกษาทำกับสถานประกอบการใกล้ๆ มหาวิทยาลัย มาเป็นการ "ลงพื้นที่จริง" ในอุตสาหกรรม ในฐานะ "ที่ปรึกษาด้านโลจิสติกส์" ผู้เสนอโซลูชันให้โรงงานที่ยังมีช่องโหว่ให้เติมเต็ม

เรียนแต่ในห้องเรียนไม่เพียงพอ

ดร.วรัญญู ศรีเชียงราย อาจารย์ประจำหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน CIBA-DPU อธิบายถึงที่มาของโปรเจกต์นี้ว่า เหตุผลหลักคือ "อยากให้นักศึกษาได้ไปเห็นหน้างานจริง" เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการฝึกสหกิจ (CWIE) ในชั้นปีที่ 4 และการทำงานในอนาคต โดยการได้เห็นหน้างานจริงจะช่วยให้นักศึกษาเห็นความเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีกับการปฏิบัติ สามารถเปรียบเทียบในสิ่งที่เรียนสามารถใช้ได้จริงหรือไม่

นอกจากนี้การทำงานภาคสนามยังช่วยให้นักศึกษา เข้าใจปัญหาในระดับลึก และเห็นข้อจำกัดที่ตำราอาจไม่สามารถอธิบายได้ ประสบการณ์ตรงเหล่านี้จะทำให้นักศึกษา "มีความพร้อม" สำหรับโลกการทำงานทันทีที่จบ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ภาคธุรกิจต้องการ

"เราไม่ต้องการให้เด็กแค่สอบผ่าน แต่ต้องพร้อมรับมือกับโลกการทำงานจริง"

โลจิสติกส์ไม่ใช่แค่ขนส่ง

โปรเจกต์เริ่มต้นด้วยการให้นักศึกษา “ค้นหาสถานประกอบการ” ที่สนใจด้วยตนเอง ถือเป็นความท้าทายแรก ไม่ใช่แค่การเดินเข้าไป แต่ต้องผ่านกระบวนการทั้ง การยื่นเอกสารอย่างเป็นทางการเพื่อขอเข้าพื้นที่เพื่อเปิดประตูสู่การทำงานจริง

เมื่อเข้าไปถึงโรงงานนักศึกษาได้พูดคุยและรับฟังปัญหา รวมถึงเรียนรู้กระบวนการทำงานต่างๆ เพื่อให้เข้าใจระบบการทำงาน ตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบ การผลิต การบริหารคลังสินค้า ไปจนถึงการส่งมอบสินค้า

"ไม่รู้อะไรเลยเข้าไปครั้งแรก พี่พนักงานทำงานกันเร็วมาก แล้วเราเป็นเด็กปี 2 ที่ยังไม่รู้จะเริ่มที่อะไรก่อน" นางสาวณิพัฒภรณ์ จะเรียมพันธ์ และ นางสาวคำอุ่น หล้าคำ สมาชิกกลุ่มวัยรุ่น บอกเล่าอย่างตรงไปตรงมา

แต่ต่อมาสมาชิกวัยหนุ่มที่เหลือ ได้แก่ นายสหัสวรรษ รักจ้อย, นายจิรวัฒน์ ศรีภา, นายพฤทธิ์ จันทร์คง, นายธีรภัทร พรมจีน และ นายนันทกรณ์ ภูศรีเทศ ก็ได้เริ่มสังเกตการณ์และพบว่าทฤษฎีที่เรียนมาไม่ได้เป็นแค่แนวคิด แต่เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานจริง นอกจากปัญหาด้านการจัดวางสินค้า เช่น แร็คสูงทำให้หาของยาก หรือการเคลื่อนย้ายที่ล่าช้า โรงงานยังเผชิญกับความเสียหายของสินค้าสูงถึง 20% ก่อนส่งมอบ และได้รับฟีดแบ็กเรื่อง Carbon Footprint ซึ่งกำลังเป็นประเด็นสำคัญ

"พอไปโรงงานเฟอร์นิเจอร์ การจัดวางสินค้าบนแร็ค ถ้าไม่มีระบบการจัดเก็บที่ดี มันกระทบทั้งพื้นที่ คน เวลา และทรัพยากรทุกอย่าง" จึงได้เสนอแนวทางแก้ไขเบื้องต้นด้วยการนำแนวคิด 5 ส. (สะสาง, สะดวก, สะอาด, สร้างมาตรฐาน, สร้างวินัย) พร้อมกับ Kaizen และ Just-In-Time (JIT) มาใช้ในการจัดระเบียบพื้นที่เพื่อลดความสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งนอกจากช่วยให้ระบบคล่องตัวขึ้น ยังช่วยลด Carbon Footprint ของโรงงานไปพร้อมกัน

“พอได้ลงพื้นที่หน้างาน จึงได้เข้าใจว่า โลจิสติกส์ไม่ได้มีแค่เรื่องการขนส่ง แต่คือการบริหารทั้งระบบให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจะคิดแบบนักเรียนไม่ได้ ต้องคิดแบบคนทำงานจริง ถ้าเจอปัญหา ก็จะต้องแก้ ไม่ใช่คิดแค่ให้ผ่านๆ ไป เพราะทุกการตัดสินใจมีผลกระทบจริง ใช้เงินจริง ใช้เวลาจริง ที่สำคัญความน่าเชื่อถือของธุรกิจ บางบริษัทสร้างมาเป็น 30 ปี พลาดครั้ง สองครั้ง ลูกค้าอาจเปลี่ยนใจได้ทันที”

หัวใจ “คุณภาพ” โลจิสติกส์

อีกฟากหนึ่งของจังหวัดราชบุรี นักศึกษากลุ่มโรลีน นำโดย นางสาววริทยา วนะรุจิ, นางสาวจินต์จุฑา พันธ์กว้าง, นางสาวจิรัฐติกาล ปลดเปลื้อง, นางสาวกัญชรส ลีลุเดช, นางสาวณัฏฐณิชา ชาเหลา, นายวิถีไทย รามี่ และ นายธนกฤต กายโรจน์ ได้เข้าไปสำรวจโรงงานผลิตตุ๊กตา ประเภท OEM ที่กำลังเผชิญกับปัญหาในสายการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อทั้งคุณภาพและต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นไฟตกบ่อยจนเครื่องจักรเสียหาย การผลิตเกินความต้องการเพื่อเผื่อของเสีย และจำนวนพนักงานที่ไม่เพียงพอ ทำให้โรงงานต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกเพื่อรักษากำลังการผลิต

"ลีนไม่ได้แค่ช่วยให้ระบบมีประสิทธิภาพขึ้น แต่ช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนได้จริง โดยไม่กระทบต่อคุณภาพสินค้า" นางสาววริทยา เริ่มต้นอธิบาย

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ พวกเขาทั้งหมดเสนอให้โรงงานนำหลัก 5ส. มาปรับให้ระบบคล่องตัวขึ้น ควบคู่ไปกับการปรับกระบวนการควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นทาง แทนที่จะตรวจสอบเฉพาะตอนสุดท้าย เพื่อลดอัตราการเกิดของเสียและไม่ต้องผลิตเกินโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังได้แนะนำให้ใช้เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าเพื่อลดความเสียหายจากไฟตก และนำระบบ Kanban กับ Just-In-Time (JIT) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของงาน

"ตอนแรกเราคิดว่าปรับแค่ขั้นตอนสุดท้ายก็พอ แต่พอไปดูของจริง มันชัดเลยว่าทุกขั้นตอนต้องช่วยกันลดของเสีย ถ้ารอแก้ตอนสุดท้าย จะสายไปแล้ว" นางสาวจินต์จุฑา และ นางสาวจิรัฐติกาล เผย

นอกเหนือจากความรู้ทางทฤษฎี นักศึกษากลุ่มนี้ยังได้เรียนรู้เรื่อง การบริหารจัดการ (Management) โดยเฉพาะการลำดับความสำคัญ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในองค์กรขนาดใหญ่ เพราะความผิดพลาดเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง การจัดการที่ดีช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ

อีกทั้งพวกเขายังนำ AI อย่าง ChatGPT เข้ามาช่วยวิเคราะห์ปัญหา โดยป้อนข้อมูลและเปรียบเทียบกับทฤษฎีที่เรียน ทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาชัดเจนขึ้น และช่วยให้แนวทางแก้ไขมีความแม่นยำมากขึ้น

นักศึกษาทีมโรลีน ยังย้ำความสำคัญของการลงพื้นที่ว่า "หน้างานให้ประสบการณ์ที่ลึกซึ้งกว่าในห้องเรียนอย่างมาก” ทั้งทำให้เข้าใจปัญหา ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนกว่าการเรียนรู้ผ่านข้อความในพาวเวอร์พอยต์ที่ไม่มีเสียงเครื่องจักร

และเมื่อถามย้อนไปถึงชั่วโมงคลาสที่อาจารย์มอบหมายให้ลงพื้นที่จะปฏิเสธหรือไม่? ทั้งสามสาวส่ายหน้าและตอบอย่างพร้อมเพรียงว่า "ไม่เลยค่ะ” แม้จะยากตรงที่พวกเธอต้องหาโรงงานเอง ต้องนัดหมายวุ่นวาย แต่หน้างานจริงดีกว่าห้องเรียนเยอะ

พวกเธอยังกล่าวด้วยเสียงเข้มๆ แสดงถึงการเติบโตว่า “เราได้ใช้ความคิดตัวเอง ได้เห็นปัญหาของจริง ได้ทบทวนว่าสิ่งที่เรียนมานำไปใช้ได้จริงไหม มากกว่าการนั่งฟังอาจารย์บางทีเราไม่เข้าใจว่ามันส่งผลขนาดไหน แต่พอมาเจอเองก็เห็นชัดเลยว่าถ้าปล่อยไป อาจทำให้เขาเสียหายได้มากกว่าที่คิด"

เกิดอาวุธครบรอบด้าน

เพิ่มเติมจากความรู้ทางวิชาการที่ได้รับโดยตรง นักศึกษาทีมวัยหนุ่มยังได้รับ "วิชาชีวิต" จากรุ่นพี่ในสายงานโลจิสติกส์ โดยรุ่นพี่ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับการทำงานในอาชีพที่มีการแข่งขันสูง และแนะนำว่า "หากมีโอกาส ควรเรียนต่อปริญญาโทเพื่อเพิ่มศักยภาพ และต้องเรียนรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา” เพราะทุกองค์กรต้องการคนที่ช่วยลดต้นทุนได้จริง

ประสบการณ์จริงยังช่วยเสริมสร้างทักษะด้าน Soft Skills ที่จำเป็น อาทิ การทำงานเป็นทีม การประสานงาน และการแบ่งงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญ โดย ดร.วรัญญู อธิบายว่า “ทักษะสำคัญที่ได้คือการแก้ปัญหาหน้างานได้อย่างรวดเร็วและการปรับปรุงกระบวนการทำงาน โดยนักศึกษาได้เห็นผลลัพธ์ของการตัดสินใจในสถานการณ์จริงเพื่อควบคุมต้นทุน”

“นักศึกษายังเข้าใจถึงบทบาทของการเป็นผู้ที่สามารถช่วยลดต้นทุนได้จริง และหลายสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการก็แสดงความสนใจที่จะรับนักศึกษากลับไปฝึกงานหรือทำงาน” ดร.วรัญญูกล่าวด้วยร้อยยิ้ม ขณะที่ผู้ประกอบการเองให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าของนักศึกษาอย่างใกล้ชิด แต่ต้องรอผลสรุปสุดท้ายจากการนำเสนอก่อน จึงจะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่

ปั้น "นักลดต้นทุนตัวยง" พร้อมรับมืออนาคต

ดร.วรัญญู ประเมินว่า นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ชุดนี้ "ถือว่าประสบความสำเร็จมาก" ในการเข้าใจด้านโลจิสติกส์และกระบวนการต่างๆ และด้วยระยะเวลาอีก 2 ปีที่เหลือในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้พวกเขา "พร้อมเข้าสู่กระบวนการทำงานได้เต็มที่" เมื่อสำเร็จการศึกษา

เพราะปัจจุบันองค์กรแข่งกันที่การลดต้นทุน การมีบุคลากรที่สามารถปรับปรุงกระบวนการ ลดความสูญเสีย และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดร.วรัญญู ชี้ว่า หลักสูตร CIBA-DPU จึงมุ่งเน้นให้นักศึกษาเข้าใจปัญหาและแนวทางการลดต้นทุนอย่างเป็นระบบ โดยย้ำว่า "นักโลจิสติกส์ที่ดีไม่ใช่แค่เข้าใจทฤษฎี แต่ต้องนำไปใช้ได้จริง เพื่อช่วยองค์กรแข่งขันในตลาด" ด้วยเหตุนี้แนวคิด "ลีน" จึงเป็นหัวใจสำคัญของหลักสูตร ที่จะช่วยให้นักศึกษามองภาพรวมต้นทุน และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่ในสายการผลิต แต่ยังรวมถึงงานในออฟฟิศ เช่น การลดเอกสารหรือเพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการทำงาน

สำหรับก้าวต่อไปของ CIBA-DPU (www.dpu.ac.th/th/college-of-innovative-business-and-accountancy) คือการผสานประสบการณ์จริงเข้ากับโลกดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ โดย ดร.วรัญญู ทิ้งท้ายว่า "หัวใจสำคัญยังคงเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อให้นักศึกษาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเคสต่างๆ และเป็นนักแก้ปัญหาที่สามารถนำทฤษฎีไปปรับใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ได้”

“ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ เพื่อเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับมือกับความท้าทายและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลจิสติกส์ยุคใหม่"