รายงานผลการวิจัยเรื่องการศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาต่อสาเหตุที่มีสัมฤทธิผลททางการเรียนต่ำของนักศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

การศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาต่อสาเหตุที่มีสัมฤทธิผลทางการเรียนต่ำของนักศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นการวิจัยจากชั้นเรียนในรายวิชาต่างๆ ของหมวดวิชาศึกษาทั่วไปที่เปิดสอนในแต่ละภาคการศึกษาซึ่งนักศึกษาได้ระดับสัมฤทธิผลทางการเรียนต่ำ ตลอดจนสอบตกทุกภาคการศึกษา ดังนั้นคณะผู้วิจัยจึงเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องทำการวิจัยเรื่องดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ ประการแรก เพื่อหาสาเหตุของนักศึกษาที่มีสัมฤทธิผลทางการเรียนต่ำ และประการที่ 2 เพื่อหาแนวทางการปรับปรุงให้นักศึกษามีสัมฤทธิผลทางการเรียนสูงขึ้น และตั้งสมมติฐานในการวิจัย คือนักศึกษาที่มีลักษณะส่วนบุคคลแตกต่างกันย่อมมีปัจจัยที่ทำให้สัมฤทธิผลทางการเรียนต่ำไม่แตกต่างกัน สำหรับระเบียบวิธีวิจัยในครั้งนี้ ใช้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์จำนวน 164 คน ที่ลงทะเบียนซ้ำในรายวิชาของหมวดวิชาศึกษาทั่วไปจำนวน 10 รายวิชาในภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2545 และใช้เครื่องมือในการวิจัยคือ ใช้แบบสอบถาม และการสัมภาษณ์ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปได้แก่ สถานภาพของนักศึกษานั้น นักศึกษาที่ตอบแบบสอบถามมีจำนวนใกล้เคียงกันคือ เพศชายร้อยละ 53 เพศหญิงร้อยละ 47 จำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนซ้ำมากที่สุด คือวิชาทักษะการใช้ภาษาไทย 1 สถานภาพทางการเรียนของนักศึกษาที่เรียนซ้ำมากที่สุด คือนักศึกษาชั้นปีที่ 1 และสาเหตุส่วนใหญ่ที่ต้องลงทะเบียนเรียนซ้ำคือ การสอบไม่ผ่านร้อยละ 52 ต้องการปรับเกรดเนื่องจากได้ D+ หรือ D ร้อยละ 26 ตอนที่ 2 สาเหตุที่มีผลสัมฤทธิทางการเรียนต่ำของนักศึกษา จากการเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลสัมฤทธิทางการเรียนต่ำของนักศึกษาแต่ละรายวิชา จำนวน 10 รายวิชาโดยการจำแนกเพศ ชั้นปี และสาเหตุของการลงทะเบียนซ้ำ ปรากฏว่านักศึกษาที่มีลักษณะส่วนบุคคลที่แตกต่างกันมีปัจจัยที่ทำให้สัมฤทธิผลทางการเรียนต่ำส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกันและบางปัจจัยที่แตกต่างกันบ้าง ตอนที่ 3 ความคิดเห็นของนักศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงตนเอง ให้ได้ผลสัมฤทธิทางการเรียนตั้งแต่ C ขึ้นไป พบว่าสิ่งที่นักศึกษาจะทำเป็นลำดับแรกคือ พยายามเรียนให้ทันและไม่ขาดเรียน รองลงมาพยายามส่งการบ้าน ทำรายงานให้มากที่สุด พยายามตั้งใจเรียนโดยฟัง คิด และจดคำบรรยาย วางแผนในการเรียนอย่างเป็นระบบ อยากให้ผู้สอนให้ความใกล้ชิดและให้กำลังใจ ข้อเสนอแนะในงานวิจัยนี้ ควรนำไปใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนการสอน การปรับเปลี่ยนกิจกรรมและวิธีการสอน ให้เหมาะกับหลักสูตรรายวิชาและนักศึกษา เพื่อที่จะช่วยทำให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิทางการเรียนสูงขึ้น

---