ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์
.png)
บทคัดย่อ
งานวิจัย เรื่องปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์ มีวัตถุประสงค์ 4 ประการ คือ 1. เพื่อศึกษาสถานภาพของสหกรณ์ออมทรัพย์ในปัจจุบัน 2. เพื่อหาปัจจัยและลำดับความสำคัญของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์ 3. เพื่อประมาณการกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์ 4. เพื่อหาความยืดหยุ่นของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำไรสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นงานวิจัยเอกสาร โดยใช้ข้อมูลจากรายงานผลการดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ประจำปี 2543 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูลจะใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ การหาค่าความถี่และร้อยละในการอธิบายสถานภาพของ สหกรณ์ออมทรัพย์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณเชิงเส้น (Multiple Regression) เพื่อประมาณการสมการกำไรและหาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์ ในปี พ.ศ. 2543 และนำผลที่ได้มาคำนวณค่าความยืดหยุ่นทางเศรษฐศาสตร์ จากการใช้ข้อมูลสหกรณ์ออมทรัพย์ในปี พ.ศ. 2543 จำนวน 1,193 สหกรณ์ พบว่าอายุเฉลี่ยในการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์เท่ากับ 14 ปี โดยมีสหกรณ์ที่มีอายุมากที่สุด 52 ปี เมื่อจำแนกสหกรณ์ออมทรัพย์ออกเป็น 10 ประเภท ปรากฏว่า สหกรณ์ออมทรัพย์เครดิตยูเนี่ยน มีจำนวน สหกรณ์ที่ก่อตั้งมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 21 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูได้กำไรสูงสุดร้อยละ 43 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูมีจำนวนสมาชิกมากที่สุด ร้อยละ 27 สหกรณ์ออมทรัพย์ส่วนราชการมีทุนเรือนหุ้นสูงสุด ร้อยละ 29 สหกรณ์ออมทรัพย์ครูให้สินเชื่อสูงสุด ร้อยละ 45 สหกรณ์ออมทรัพย์ครู มีเงินสำรองสูงสุด ร้อยละ 43 สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัย มีเงินฝากสูงสุด ร้องละ 30 ในการหาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์พบว่า กำไรจะขึ้นอยู่กับทุนเรือนหุ้นเงินสำรอง เงินกู้ เงินฝาก และจำนวนสมาชิก โดยมีนัยสำคัญทางสถิติ (α = 0.05) ส่วนลำดับของปัจจัยที่มีผลต่ออิทธิพลต่อกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์ในภาพรวม ได้แก่ ทุนเรือนหุ้น เงินกู้ เงินสำรอง จำนวนสมาชิก และเงินฝาก และเมื่อพิจารณาลำดับปัจจัยที่มีอิทธิพลมากที่สุด จำแนกเฉพาะประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์พบว่า สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ จำนวนสมาชิก สหกรณ์ออมทรัพย์ครูได้แก่ ทุนเรือนหุ้น สหกรณ์ออมทรัพย์เครดิตยูเนี่ยน ได้แก่ เงินฝาก สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ ได้แก่ ทุนเรือนหุ้น สหกรณ์ออมทรัพย์ทหาร ได้แก่ ทุนเรือนหุ้น สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัย ได้แก่ ทุนเรือนหุ้น สหกรณ์ออมทรัพย์รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ ทุนเรือนหุ้น สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาล ได้แก่ ทุนเรือนหุ้น สหกรณ์ออมทรัพย์ส่วนราชการ ได้แก่ ทุนเรือนหุ้น และสหกรณ์ออมทรัพย์เอกชน ได้แก่ เงินกู้ ในการประมาณการกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์ พบว่าในปี พ.ศ. 2543 สมการกำไรของสหกรณ์ออมทรัพย์ คือ y = 334919.085 + 0.09999 SHARE + 0.129RESERVE + 0.01294LOAN + (37.447) (10.160) (10.137) 0.002144DEP + 646.345MEM (3.163) (3.904) R2 = 0.971 D – W = 2.067 จากสมการกำไรสหกรณ์ออมทรัพย์ สามารถคำนวณหาค่าความยืดหยุ่นของกำไรที่ต่อปัจจัยต่างๆ พบว่าค่าความยืดหยุ่นที่มีต่อทุนเรือนหุ้น = 0.691 ค่าความยืดหยุ่นต่อเงินสำรอง = 0.104 ค่าความยืดหยุ่นต่อเงินกู้ = 0.129 ค่าความยืดหยุ่นต่อเงินฝาก = 0.011 และค่าความยืดหยุ่นต่อสมาชิก = 0.061
Abstract
นักวิจัย : ผู้ช่วยศาสตรจารย์เฉลิมพร อภิชนาพงศ์
สังกัด : คณะเศรษฐศาสตร์
คำสำคัญของโครงการ :
ปีที่เสร็จ : 2548