การศึกษาแนวทางปฏิบัติที่ดีของผู้ประกอบการธุรกิจจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อ พัฒนามาตรฐานการจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศในกลุ่มประเทศอาเซียน กรณีศึกษาประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

บทคัดย่อ

ด้วยความต้องการในการพัฒนามาตรฐานการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยมาตรฐานด้านหนึ่งที่มีความสำคัญ คือ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ที่ผ่านมา มาตรฐานการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Tourism Standards) ได้ดำเนินการไปแล้วหลายด้าน อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศสำหรับภาคธุรกิจยังไม่มีการกล่าวถึงมากนัก ดังนั้น การวิจัยในครั้งนี้จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาแนวทางปฏิบัติที่ดีของผู้ประกอบการธุรกิจจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้หรือต่อยอดในการพัฒนามาตรฐานการจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศสำหรับภาคธุรกิจ ดังนั้นงานวิจัยในครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบแนวทางปฏิบัติที่ดีของผู้ประกอบการธุรกิจจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยผลของการวิจัย ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนามาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของธุรกิจจัดนำเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียนได้  

             ในส่วนของระเบียบวิธีวิจัย งานวิจัยในครั้งนี้มุ่งศึกษาธุรกิจจัดนำเที่ยวที่อ้างหรือนำเสนอขายรายการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยเลือกตัวอย่างแบบเจาะจงตามแนวทางของงานวิจัยในอดีตที่เคยศึกษาผู้ประกอบการที่มีคุณลักษณะเข้าข่ายการจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศ โดยเลือกตัวอย่างจากประเทศละ 2 บริษัท รวมทั้งหมด 6 บริษัท โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เคยระบุไว้ในงานวิจัยในอดีต ได้แก่ ภูเก็ต (ประเทศไทย) ปีนัง (ประเทศมาเลเซีย) และบาหลี (ประเทศอินโดนีเซีย) งานวิจัยในครั้งนี้ได้นำต้นแบบเชิงทฤษฎีในการจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism Model for Tour Operators) ของ อัศวิน แสงพิกุล (2553) มาใช้เป็นกรอบแนวคิดในการวิจัย ซึ่งต้นแบบเชิงทฤษฎีนี้ประกอบด้วย 6 หลักเกณฑ์ ได้แก่ 1) การจัดนำเที่ยวในพื้นที่ธรรมชาติ 2) การให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องสภาพแวดล้อมธรรมชาติ 3) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งท่องเที่ยว 4) การคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยว 5) การพัฒนาชุมชนท้องถิ่นในแหล่งท่องเที่ยว และ 6) นโยบายธุรกิจ การเก็บรวบรวมข้อมูลดำเนินการโดยใช้วิธีการสังเกตการจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศและการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ดำเนินการโดยการประเมินคะแนนจากการสังเกตและการสัมภาษณ์ภายใต้ขอบเขตของ 6 หลักเกณฑ์ข้างต้น

             ผลการวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการทั้ง 6 บริษัท จัดนำเที่ยวเชิงนิเวศในลักษณะที่คล้ายคลึงกันและแตกต่างกันในบ้างด้าน โดยการจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ได้แก่ การจัดนำเที่ยวในพื้นที่ธรรมชาติ  การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การคำนึงถึงผลกระทบ และนโยบายธุรกิจ ส่วนด้านที่แตกต่างกันได้แก่ การให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องสภาพแวดล้อมธรรมชาติ และการพัฒนาชุมชนในท้องถิ่น

 

             งานวิจัยนี้ได้เสนอแนะแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับการจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศ โดยยึดหลักแนวคิดจากต้นแบบเชิงทฤษฎี และข้อค้นพบจากงานวิจัยที่สำรวจจาก 6 บริษัทในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยแนวทางปฏิบัติที่ดีจากข้อเสนอแนะของงานวิจัยในครั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปประยุกต์ใช้หรือต่อยอดเพื่อพัฒนาให้เป็นมาตรฐานการจัดนำเที่ยวเชิงนิเวศของผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ 

Abstract

Due to the need of developing the ASEAN Tourism Standards for the incoming ASEAN Economic Community integration (AEC), one of these standards is the ecotourism standard, particularly for the business sector. Recently, the ASEAN Tourism Standards have been developed in several sectors. However, little effort was undertaken in the ecotourism business sector. This study, therefore, has the main goal to develop the ecotourism good practices for tour operators in ASEAN countries. To achieve the goal, the study has the objectives to examine and compare the ecotourism practices of tour operators in Thailand, Malaysia and Indonesia. The research finding (ecotourism good practices) will be able to assist in the development of ecotourism standard for the tour operators in ASEAN countries.

         With regards to the research methodology, this study investigated the samples from tour operators who claim or offer eco-tours through the marketing channels. They were purposively chosen according to previous research’s suggestion on their ecotourism business characteristics. Two tour operators were selected from each country, with a total of 6 companies investigated. With previous research’s referral, Phuket (Thailand), Penang (Malaysia), and Bali (Indonesia) were the area of investigation in this study. By employing the 6 E’s Ecotourism Model for Tour Operators (EMTO) from Sangpikul (2010) consisting of 6 criteria (i.e. nature, education, conservation, impact, community, and corporate), this study used observation and interview methods to get the required data. These methods were done through a combination of qualitative and quantitative approaches on the 6 criteria. 

         Based on the finding, the six tour operators delivered both similar and different ecotourism practices.  Most of them delivered the similar ecotourism tour practices on nature, conservation, impact, and corporate elements whereas the difference practices were found on education and community elements. The study proposes the ecotourism good practices based on the ecotourism model and the results of the six tour operators’ practices from three countries (Thailand, Malaysia, and Indonesia). The proposed ecotourism good practices may further assist in the development of ecotourism standard for ASEAN tour operators.