ผลกระทบของความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารพาณิชย์และบริษัทที่มีต่อการปรับโครงสร้างกิจการของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย

บทคัดย่อ

งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการศึกษาผลกระทบของความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารพาณิชย์และบริษัทที่มีต่อการปรับโครงสร้างกิจการใน 3 ช่วงเวลา ซึ่งครอบคลุมกิจการ วิกฤตเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกในปี ค.ศ. 1997 (ช่วงก่อนวิกฤต (ปี ค.ศ. 1996) ช่วงวิกฤต (ปี ค.ศ. 1997-1998) และช่วงหลังวิกฤต (ค.ศ. 1999-2000)) ผู้วิจัยตั้งสมมติฐานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารพาณิชย์และบริษัทจะเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างกิจการ เนื่องจากบริษัทจะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์และทันเวลาจากธนาคารที่ใกล้ชิด นอกจากนี้ธนาคารที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทยังช่วยในการตรวจสอบผู้บริหารบริษัท เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ผู้บริหารทำการตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ของกิจการได้อย่างเหมาะสม หากความสัมพันธ์ดังกล่าวมีคุณค่าต่อกิจการ บริษัทที่มีความสัมพันธ์กับธนาคารควรมีการเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานหลังปรับโครงสร้างที่ดีกว่าบริษัทที่ไม่มีความสัมพันธ์กับธนาคาร ผลการศึกษาโดยใช้ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน (ยกเว้นสถาบันการเงิน) ในประเทศไทย พบหลักฐานที่สนับสนุนสมมติฐานที่ตั้งไว้ กล่าวคือ บริษัทที่มีความสัมพันธ์กับธนาคารมีการปรับโครงสร้างกิจการมากกว่าบริษัทที่ไม่มีความสัมพันธ์กับธนาคาร โดยประเภทของการปรับโครงสร้างกิจการที่บริษัทที่มีความสัมพันธ์เลือกใช้แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา ในช่วงก่อนวิกฤต การลดหรืองดการจ่ายเงินปันผลเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่บริษัทเหล่านี้เลือกใช้ในการปรับโครงสร้างกิจการ ขณะที่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและหลังวิกฤตเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงและการจัดหาเงินทุนเพิ่มเป็นกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างกิจการที่บริษัทที่มีความสัมพันธ์กับธนาคารเลือกใช้ สำหรับระดับของความสัมพันธ์ ผู้วิจัยพบว่า ทั้งความสัมพันธ์ผ่านคณะกรรมการและความสัมพันธ์ผ่านการถือหุ้น มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการปรับโครงสร้างกิจการ อย่างไรก็ตามผู้วิจัยไม่พบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์กับธนาคารช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่กิจการ เพราะผลการดำเนินงานภายหลังปรับโครงสร้างกิจการ ไม่มีความแตกต่างระหว่างบริษัทที่มีและไม่มีความสัมพันธ์กับธนาคาร โดยรวมแล้วผลการศึกษาของงานวิจัยชิ้นนี้เสนอแนะว่า ธนาคารที่มีความสัมพันธ์กับกิจการ มีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์ทางการเงินหลักของบริษัท

Abstract

This study investigates the impact of bank connections on the likelihood of corporate restructuring activities in three sample periods covering the 1997 East Asian economic crisis (pre-crisis (1996), during (1997-1998) and post-crisis (1999-2000)). We hypothesize that the presence of connections between firms and banks would increase the possibility of firm restructuring activities because of useful and timely advices from their close banks. The connected banks could also provide monitoring over management to ensure their appropriate decision-making on a firm’s strategies. If such connections are valuable, connected firms should have better performance changes after restructurings than non-connected firms. Using data of Thai non-financial listed firms, our analyses show supportive evidence for the hypothesis. More specifically, bank-connected firms are more likely to restructure and the restructuring activities they pursue are different in each sample period. In the pre-crisis period, dividend cut is the financial strategy connected firms use to restructure themselves; while during the crisis and in the post-crisis period, top management turnover and new capital raising appear to be the restructuring strategy adopted by connected firms. As for the connection strength, both director and ownership connections appear to have a marginal impact on corporate restructurings. Nevertheless, we find no evidence that bank connections add value to the firms since performances following restructuring activities are not different between connected and non-connected firms. Overall, the results of this research suggest that connected banks play an important role on a firm’s key financial strategy.