สมรรถนะและความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
.png)
บทคัดย่อ
มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาถึงสมรรถนะและความสามารถในการแข่งขันของ อุตสาหกรรม 3 ประเภท ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน โดยแต่ละอุตสาหกรรมจะเลือกผลิตภัณฑ์เป้าหมายอีกอย่างละ 3 ประเภท คือ อุตสาหกรรมเกษตร ได้ศึกษาผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท ได้แก่ กล้วยไม้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และไก่ เนื้อ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ได้ศึกษาผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องรับโทรทัศน์ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ได้ศึกษาผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ ชิ้นส่วนยาน ยนต์พลาสติก และยางรถยนต์ ซึ่งอุตสาหกรรมทั้ง 3 ประเภท เป็นอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานว่าจะมี ความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ โดยที่ประเทศในโครงการ ศึกษา ได้แก่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย วิธีการดำเนินการวิจัย ใช้การสัมภาษณ์ ในลักษณะเจาะลึกกับกลุ่มผู้ประกอบการรายสำคัญ และข้อมูลอีกส่วนหนึ่งใช้แบบสอบถามเพื่อสัมภาษณ์กลุ่มผู้ประกอบการทั้ง 3 อุตสาหกรรม รวม 111 บริษัท แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์ SWOT Analysis เพื่อสรุปศักยภาพของอุตสาหกรรม โดยอาศัยปัจจัย หลัก 4 ด้าน คือ ปัจจัยด้านกระบวนการผลิต ปัจจัยด้านต้นทุน ปัจจัยด้านการตลาด และปัจจัยด้าน บุคลากร ผลการศึกษา พบว่าอุตสาหกรรมทั้ง 3 ประเภท มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต เนื่องจาก การวิเคราะห์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ทั้ง 9 ประเภท มีลักษณะเป็นจุดแข็งและมีโอกาส ( Strengths and Opportunities) ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมเกษตรทั้ง 3 ประเภทของไทย มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก ทั้งนี้เนื่องจากมีจุดแข็งและความพร้อมในหลาย ๆ ด้านที่ได้เปรียบประเทศคู่แข่ง อาทิเช่น อุตสาหกรรม กล้วยไม้ มีสภาพความพร้อมของภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยง เกษตรกรมีความชำนาญและ ประสบการณ์สูง สามารถพึ่งพิงฐานเทคโนโลยีของตนเองไว้ อุตสาหกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีอนาคตที่สดใส เนื่องจากมีตลาดที่กว้างขวางสามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งภายในและต่างประเทศ ด้วยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาไม่แพง สามารถปรุงได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนี้ มีการ พัฒนาและปรับปรุงรูปแบบ และรสชาติของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถพึ่งพิงฐาน เทคโนโลยีของตนเองได้เช่นกัน อุตสาหกรรมไก่เนื้อ เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็น ประเทศผู้ผลิตอาหารรายสำคัญของโลก การพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลด ต้นทุน พร้อมด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างฐานการผลิตที่เข็มแข็ง สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรของไทย เป็นกลยุทธ์สำคัญที่เลือกใช้เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันของ อุตสาหกรรมนี้ ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ทั้ง 3 ประเภท มีความสำคัญในการ แข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ในระดับปานกลาง อุตสาหกรรมประสบ ความสำเร็จในการพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีเบื้องต้น กล่าวคือ เทคโนโลยีที่ได้รับค่อนข้าง อยู่ตัว สามารถดำเนินการผลิตพัฒนาชิ้นส่วน รวมทั้งดัดแปลงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การรับจ้างผลิตได้ มาตรฐาน แต่ยังขาดในด้านเทคโนโลยีการจัดการ เช่น การพัฒนาตราสินค้าของตนเอง สำหรับ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องรับโทรทัศน์ การทำวิจัยและพัฒนาค่อนข้างน้อย และมีการขาดแคลน บุคลากรในระดับผู้เชี่ยวขาญผลิตภัณฑ์แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอื่น ๆ ที่สนับสนุน เช่น ค่าแรงถูก การ ย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศ ฯลฯ ก็ช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมนี้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย เป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงในอนาคต ทั้งนี้ เนื่องจากมีความพร้อมด้านกระบวนการผลิตที่เกือบครบวงจร ประกอบกับอุตสาหกรรมชิ้นส่วน สนับสนุน อาทิเช่น ชิ้นส่วนยานยนต์พลาสติก และยางรถยนต์ เป็นต้น สามารถพัฒนารุดหน้าอย่าง รวดเร็ว มีความสามารถที่จะผลิตสินค้าคุณภาพมาตรฐาน และปริมาณที่มากเพียงพอที่จะเกิดการ ประหยัดจากขนาดการผลิต ผู้ประกอบการมีการร่วมลงทุนกับต่างชาติ จึงสามารถเรียนรู้ รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและ สั่งสมประสบการณ์มานานกว่า 30 ปี ทำให้สามารถฝึกบุคลากรที่มีทักษะความชำนาญเป็นอย่างดี ใน โอกาสที่ประเทศไทยได้รับเลือกเป็นฐานการผลิต เพื่อส่งออกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ควรมี การกำหนดเป้าหมายกลยุทธ์ต่อไป ที่จะให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างฐานเทคโนโลยี สำหรับการที่จะพึ่งตนเองได้ในอนาคต สำหรับความพร้อมของประเทศไทย ที่จะมีส่วนสนับสนุนอุตสาหกรรมในด้านต่าง ๆ เช่น นโยบายของรัฐบาล สาธารณูปโภค การคมนาคมขนส่ง การสื่อสารโทรคมนาคม การศึกษาและการ ฝึกอบรมอยู่ในระดับปานกลาง จากการวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบไปยังทั่วโลก ทำให้อุปสงค์ รวมของสินค้าทุกตัวต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย ได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่มีผลกระทบไม่มากนักต่อ อุตสาหกรรมเกษตร ทำให้การลงทุนของโครงการต่างๆ ของสาขาอุตสาหกรรมข้างต้นต้องชะลอตัวลง ซึ่งคงต้องรอภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ในอีกประมาณ 3-5 ปี ก่อนที่โครงการต่างๆ จะเริ่มดำเนินการตาม แนวโน้มที่พยากรณ์ได้ต่อไป ในส่วนของประเทศเพื่อนบ้านที่ศึกษามีจุดแข็งและจุดอ่อน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย คือ - อุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูง เช่น รถยนต์ ประเทศเกาเหลีใต้ และไต้หวันจะ ได้เปรียบ ในขณะที่สิงคโปร์จะได้เปรียบในอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า - อุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีปานกลาง เช่น เครื่องปรับอากาศ, บะหมี่กึ่ง สำเร็จรูป, เครื่องรับโทรทัศน์, ชิ้นส่วนยานยนต์พลาสติกและยางรถยนต์ ประเทศไทยและมาเลเซียจะ ได้เปรียบ - อุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีต่ำ เช่น ไก่เนื้อ และกล้วยไม้ ประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซียจะได้เปรียบ รัฐบาลควรสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรม ทั้ง 9 ประเภทอย่างจริงจัง เนื่องจาก เป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคต และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยให้การสนับสนุนเน้น ด้านการวิจัยและพัฒนา การสร้างบุคลากรและมาตรการต่างๆ ที่จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของ อุตสาหกรรม กลยุทธ์ของธุรกิจที่สำคัญ คือ การสร้างตรายี่ห้อของตนเอง การผลิตสินค้าให้ครบวงจร และเน้นผลิตอุตสาหกรรมต้นน้ำ โดยควรส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังสำหรับสินค้าที่ เน้นหนักการใช้แรงงานควรปรับกลยุทธ์การลดต้นทุน โดยการย้ายฐานการผลิตไปยังต่างจังหวัด บริเวณชายแดนของประเทศไทย ซึ่งยังมีแรงงานจำนวนมากและค่าแรงถูก การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและการวางแผนระยะยาวดังกล่าวนี้ ควรกระทำอย่าง ต่อเนื่องให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในยุคโลกไร้พรมแดน
Abstract
นักวิจัย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์วีรยา ภัทรอาชาชัย และคณะ
สังกัด : คณะบริหารธุรกิจ
คำสำคัญของโครงการ :
ปีที่เสร็จ : 2540