จีนพ้นวิกฤติ Covid-19
เนื้อหา
สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศแรกของโลกที่มีการค้นพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่เป็นรายแรก ณ เมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ ทำให้มีผู้ติดโรคเชื้อไวรัสระบาดเป็นวงกว้าง ข้อมูล ณ วันที่ 28 เมษายน 2563 ระบุว่ามีจำนวนผู้ป่วยสะสมในประเทศจีน 82,830 คน มีอัตราการเสียชีวิต 4,633 คน (คิดเป็นร้อยละ 5.59 ) รักษาหาย 77,474 คน (คิดเป็นร้อยละ 93.53) (Worldometer,2020) ถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการรักษาหายสูงที่สุดในโลก และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเปรียบเทียบสถิติผู้ติดเชื้อ อัตราการเสียชีวิต และอัตราการรักษาหาย ระหว่างเดือนมีนาคม และเมษายน 2563 พบข้อเท็จจริงที่แสดงให้เห็นว่าจีนได้หลุดพ้นจุดวิกฤติ Covid 19 ได้แล้ว สรุปประเด็นที่น่าสนใจได้ดังต่อไปนี้
1. มีนาคม - เมษายน สถานการณ์ Covid กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เดือนมีนาคมมีผู้ติดเชื้อสะสม 81,708 คน มีจำนวนผู้เสียชีวิต 3,331 คน (คิดเป็นร้อยละ 4.1 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด) มณฑลที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ หูเป่ย์ กวางตุ้ง เหอหนาน เจ้อเจียง หูหนาน อานฮุย เจียงซี ซานตง เจียงซู ปักกิ่ง และฉงชิ่ง การแพร่ระบาดอาศัยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวและผู้คนที่เดินทาง ในส่วนมณฑลที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ มณฑลหูเป่ย์ เหอหนาน เฮยหลงเจียง ปักกิ่ง กวางตุ้ง ซานตง เหอเป่ย์ อานฮุย ฉงชิ่ง และไห่หนาน และมณฑลที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเลยประกอบด้วย 5 มณฑล ได้แก่ มณฑลเจียงซู ชานซี ธิเบต หนิงเซี่ย และมณฑลชิงไห่ ดูได้จากรูปที่ 1
เมื่อพิจารณาอัตราการติดเชื้อเพิ่ม (Confirmed New Cases) ดูได้จากรูปที่ 2 ลดลงต่ำกว่า 100 คน โดยในวันที่ 5 เมษายน มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 39 คน ขณะเดียวกันจำนวนผู้ป่วยขั้นวิกฤต (Severe case) ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียง 265 คน อีกทั้งจำนวนเฝ้าระวัง (suspect case) ลดลงเหลือ 88 คน
ส่วนข้อมูล เดือนเมษายน 2563 ชี้ให้เห็นว่าอัตราการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น จาก 81,708 เป็น 82,830 หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1,122 คน ในขณะที่หลายประเทศยังอยู่ในช่วงการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนโครงสร้างการกระจายตัวการแพร่ระบาดคงที่ ดูได้จากรูปที่ 3 โดยเมืองที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด คือ เมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 50,333 คน รักษาหาย 46,464 คน และเสียชีวิต 3,869 คน
ด้วยความพยายามอย่างสุดความสามารถของรัฐบาล นำโดยประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ที่ได้เร่งรัดออกมาตรการเข้มงวดอย่างทันทีทันใด ด้วยการปิดเมืองอู่ฮั่น และประกาศให้ประชาชนกักตัวอยู่ในบ้าน และห้ามไม่ให้เดินทางในประเทศเพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัส รวมถึงได้รวบรวมสรรพกำลังในการรวบรวมบุคลากรทางการแพทย์ ผู้เขี่ยวชาญการแพร่ระบาด ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อในอู่ฮั่น รวมถึงได้สร้างโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ผลที่เกิดขึ้นทำให้จีนสามารถควบคุมอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้อย่างสำเร็จ โดยแผนภาพผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วง Peak Period (1-20 กุมพาพันธ์ 2563) ดูได้จากรูปที่ 4 ที่อัตราการติดเชื้อเพิ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 10 คน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นมา
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลายประเทศให้ความสนใจกับแนวทางการควบคุมสถานการณ์ในประเทศจีน รวมถึงมาตรการต่าง ๆที่จีนได้ประกาศใช้ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา และแนวทางการรักษาที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพของประเทศจีน ในฐานะที่จีนเป็นประเทศแรกของโลกที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้สำเร็จ หนึ่งในมาตรการที่จีนได้ประกาศใช้เป็นประเทศแรกได้แก่ “มาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคม” (Social distancing) การบังคับตรวจอุณหภูมิ การเพิ่มจำนวนการตรวจเชื้อ การสั่งปิดโรงเรียน สถานประกอบการณ์เพื่อลดการแพร่ระบาด มาตรการกักกันตัวเอง การห้ามเดินทางระหว่างประเทศ การส่งห้ามเดินทางภายในประเทศ รวมไปถึงมาตรการขั้นเด็ดขาด “การสั่งปิดเมือง” ฯ
จีนรักษาหาย 94% ยืน 1 ของโลกด้านการรักษา Covid-19
ในเดือนมีนาคม 2563 จีนเป็นประเทศเดียวในโลกที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้สูงถึง 74,588 คน คิดเป็นอัตราส่วน ร้อยละ 91.70 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่มีอัตราร้อยละ 6.78 ขณะเดียวกันกลับพบว่าประเทศพัฒนาแล้วมีอัตราการรักษาหายต่ำมาก เช่น สหรัฐอเมริกาสามารถรักษาหายเพียงร้อยละ 2.18 อิตาลี ร้อยละ 12.86 สเปนร้อยละ 12.14 เยอรมัน ร้อยละ 12.91 เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มีนาคม 2563) ส่วนอัตราการเสียชีวิต มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งโลก 30,451 คน ข้อมูล ณ วันที่ 30 มีนาคม 2563 (Max Roser, Hannah Ritchie and Esteban Ortiz-Ospina, 2020) โดยประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดได้แก่ อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และอิหร่าน ตามลำดับ โดยอัตราการเสียชีวิตของประเทศดังกล่าวเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงวันที่ 20-30 มีนาคม 2563 ในขณะที่ประเทศในซึกโลกตะวันออกอย่างจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น มีอัตราการเสียชีวิตลดลง
หนึ่งเดือนภายหลัง หลายๆประเทศได้มีการออกมาตรการเข้มงวดในการลดการแพร่ระบาด ควบคู่กับการรักษาผู้ป่วย จึงทำให้อัตราการรักษาหายเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในเดือนเมษายนประเทศที่มีอัตราการรักษาหายสูงสุดในโลก 5 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน (ร้อยละ 93.5) ไทย (ร้อยละ 89) ออสเตรเลีย (ร้อยละ 83.1) เกาหลีใต้ (ร้อยละ 81.6) และออสเตรีย (ร้อยละ 80.9) ดูได้จากรูปที่ 5
บทบาทของ รัฐ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้จีนประสบความสำเร็จในครั้งนี้ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าภาคเอกชนจีน ก็มีบทบาทสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารัฐบาล ในระยะที่ผ่านมาภาคเอกชนจีนได้ให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือประเทศจีนและประเทศต่างๆมากมาย ประกอบด้วย การให้ความช่วยเหลือด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์ (Logistic and Transportation) มีบริษัทเอกชนจำนวนมากออกมาให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายและพยุงระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้ก้าวต่อไปได้ บริการทางการแพทย์ (Medical Services) ซึ่งถือเป็นบทบาทสำคัญที่ภาคเอกชนจีนได้มอบให้แก่รัฐบาล รวมถึงประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย องค์ความรู้ด้านการรักษา อุปกรณ์การแพทย์ที่มีคุณภาพ รวมถึงบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นบทพิสูจน์ว่าระบบสาธารณสุขจีนไม่เป็นสองรองประเทศใด บริการด้านข้อมูลข่าวสาร ในช่วงเวลาวิกฤตCovid สิ่งที่คนขาดไม่ได้ก็คือการรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง แม่นยำ ทันท่วงที ซึ่งปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในจีนชี้ให้เห็นว่า เมื่อเกิดวิกฤตภัย สื่อมวลชน ได้ทำหน้าที่เป็นแขนขาให้แก่รัฐบาลในการสื่อสารกับผู้คน และบทบาทสุดท้ายที่สำคัญที่สุด ได้แก่ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI) ที่ภาคเอกชนนำออกมาแสดงศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น อากาศยานไร้คนขับ ระบบโดรนตรวจสอบไข้ ระบบสั่งการอัจฉริยะไร้การสัมผัส ระบบบิ๊กเดต้าในการตรวจคนเข้าเมือง หุ่นยนต์แพทย์ หุ่นยนต์ส่งของ และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งหมดที่กล่าวมา ชี้ให้เห็นบทเรียนที่สำคัญแก่ โลก ว่า เมื่อเกิดวิกฤตภัย ไม่ว่าจะเป็นภัยทางธรรมชาติ ภัยทางเศรษฐกิจ หรือภัยพิบัติจากโรคติดต่อร้ายแรง ทุก ๆ ภัยพิบัติจะแบ่งโลกออกเป็น 2 ช่วงเสมอ ได้แก่ โลกก่อนเกิดวิกฤต ที่โลกต่างมุ่งเน้นแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่พลเมืองของตน และหลังหลังวิกฤต ซึ่งเป็นช่วงที่โลกทั้งใบได้หยุดคิด วิเคราะห์ ไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้น และหันมาช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างไม่มีเงื่อนไข ในฐานะ “มนุษยชาติ” ผู้ปราศจากซึ่งเชื้อชาติ สีผิว ชนชั้น และวรรณะ
เอกสารอ้างอิง
Max Roser, Hannah Ritchie and Esteban Ortiz-Ospina (2020) - "Coronavirus Disease (COVID-19)
– Statistics and Research". Published online at OurWorldInData.org. Retrieved from:
.'https://ourworldindata.org/coronavirus' [Online Resource]
Worldometers (2020), covid-19 coronavirus pandemic, Confirmed Cases and Deaths by
Country, Territory, or Conveyance, Retrieved from:
https://www.worldometers.info/coronavirus/ [Online Resource]
Adrian and Marisa (2020), Why outbreaks like coronavirus spread exponentially, and how to
“flatten the curve”, WashingtonPost, Retrieved from:
https://www.washingtonpost.com/world/2020/03/13/how-countries-around-world-have-tried-contain-coronavirus/?arc404=true [Online Resource]
Peng He (2020), How Chinese companies are responding to COVID-19 mobility challenges,
World Economic Forum, Retrieved from
https://www.weforum.org/agenda/2020/03/china-covid-19-coronavirus-mobility-solutions [Online Resource]
Xinhua (2020), Thai news service, coronavirus-19, Retrieved from
https://www.xinhuathai.com/bignews [Online Resource]
*************************************
แฟ้มภาพจากสำนักข่าว Xinhua
ดร. ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤติกุล
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสายงานวิจัยและพัฒนา
อ.วราวุฒิ เรือนคำ
ผู้วิเคราะห์ : ดร. ภูมิพัฒณ์ พงศ์พฤติกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษสายงานวิจัยและพัฒนา
ปีที่วิเคราะห์ : 2563