ยุทธศาสตร์ BRI กับนโยบายการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยในประเทศจีน

เนื้อหา

ภาษาและการสื่อสารถือเป็นปัจจัยสำคัญของความร่วมมือระหว่างจีนและกลุ่มประเทศในแถบเส้นทางตามยุทธศาสตร์ BRI เพราะภาษาคือพลังอำนาจละมุน (Soft Power) อย่างหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ความร่วมมือตามกรอบยุทธศาสตร์บรรลุวัตถุประสงค์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความรู้ความเข้าใจในภาษาต่างประเทศไม่เพียงแต่จะช่วยผลักดันให้ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เกิดผล สำฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม แต่ยังทำให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจในวัฒนธรรมของกันและกันมากขึ้น การพัฒนาบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาจึงมีความสำคัญมาก ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันที่จีนพัฒนาการศึกษาด้านภาษาในรูปแบบคู่ขนาน กล่าวคือการสอนภาษาจีนให้กับกลุ่มประเทศในแถบเส้นทาง ขณะเดียวกันจีนก็พัฒนาบุคลากรสำหรับเรียนรู้ภาษาของกลุ่ม ประเทศดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการพัฒนาบุคลากรที่รู้และเชี่ยวชาญภาษาไทยด้วย

ก่อนหน้าที่จีนจะดำเนินการยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ในช่วงศตวรรษที่ 20 สถาบันการศึกษาในประเทศจีน บางแห่งก็เปิดการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (ค.ศ. 1946) วิทยาลัยภาษาต่างประเทศ PLA ลั่วหยาง (ค.ศ. 1956) มหาวิทยาลัยชนชาติกวางสี (ค.ศ. 1964) มหาวิทยาลัยภาษาและการค้าต่างประเทศกวางตุ้ง (ค.ศ. 1970) มหาวิทยาลัยชนชาติยูนนาน (ค.ศ. 1993) และมหาวิทยาลัยกวางสี (ค.ศ. 1997) ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศจีนเน้น พัฒนาบุคลากรด้านภาษาไทยสำหรับภารกิจทางการทหาร การทูต และการศึกษาวิจัยเป็นหลัก แต่หลังจากจีนเข้าร่วม เป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี ค.ศ. 2001 ก็เริ่มเปิดหลักสูตรภาษาไทยในหลากหลายสถาบัน โดยเน้นพัฒนา บุคลากรสำหรับภารกิจทางการทูต การข่าว และการค้า เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ในปีค.ศ. 2015 จีนได้ประกาศ วิสัยทัศน์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการร่วมกันสร้างแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม” และ “เส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21 (Vision and Actions on Jointly Building Silk Road Economic Belt and 21st-century Maritime Silk Road) กำหนดวางตำแหน่งมณฑลต่าง ๆ ของจีนให้สอดคล้องต่อการผลักดันยุทธศาสตร์มากขึ้น มณฑลยูนนาน และมณฑลกวางสีจึงกลายเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับพัฒนาบุคลากรที่เชี่ยวชาญภาษาอาเซียน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการพัฒนาบุคลากร ที่เชี่ยวชาญด้านภาษาไทย

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 คณะกรรมาธิการมณฑลยูนนานและรัฐบาลมณฑลยูนนานได้มีประกาศว่าด้วยการปฏิรูป เชิงลึกในระบบการศึกษาระดับสูง (ประกาศมณฑลยูนนานฉบับที่ 17/2008) โดยผลักดันให้สถาบันการศึกษาต่าง ๆ จัดวิชา ภาษาและวัฒนธรรมของประเทศอาเซียนและเอเชียใต้ให้กับนักเรียนและนักศึกษาตามความเหมาะสมเพื่อสร้างบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาที่ 3 สำหรับรองรับการขับเคลื่อนโครงการนำร่องและส่งเสริมให้บุคลากรเหล่านี้ใช้พื้นฐานทางด้าน ภาษาในการต่อยอดการเรียนรู้ในศาสตร์อื่น ๆ อันจะทำให้บุคลากรดังกล่าวนำความรู้มาใช้ในภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งการทูต เศรษฐกิจ การสื่อสาร สื่อสารมวลชน การศึกษา การท่องเที่ยว และภารกิจอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ นโยบายดังกล่าวเน้นย้ำความสำคัญของบทบาทสถาบันการศึกษาระดับมณฑลในการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา โดยเสนอให้เพิ่มวิชาภาษาอาเซียนในภาควิชาอื่น ๆ และในปี ค.ศ. 2021 สำนักงานศึกษาธิการประจำมณฑลยูนนาน ได้ลงรายละเอียดในการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับประกาศฯ โดยแบ่งรูปแบบของบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาออกเป็น (1) แบบชำนาญการ (2) แบบประยุกต์ (3) แบบควบรวม และ (4) แบบสมัยใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของเนื้อ งานในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดียิ่งขึ้น

ถัดมาในเดือนกันยายนปีค.ศ. 2010 สำนักงานศึกษาธิการประจำมณฑลกวางสีได้ออกประกาศเรื่อง แผนการดำเนิน งานเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาและการบริการในมณฑลกวางสี (ระหว่างปี 2010-2012) ระบุข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการ สนับสนุนด้านบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาในโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ (Pan Beibu-Gulf Economic Cooperation) โดยให้บูรณาการการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลสมัยใหม่ การขนส่ง การเงินและการบัญชี กฎหมาย งานแสดงสินค้า การท่องเที่ยว และการสื่อสาธารณะ กับภาควิชาภาษาต่างประเทศเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะภาษาของกลุ่ม ประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เพื่อพัฒนาบุคลากรคุณภาพที่มีความรู้ความสามารถโดยตรงกับสายงานและตอบสนอง ต่อความต้องการในการพัฒนาโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง ท่าเรือ การก่อสร้าง การท่องเที่ยว และการระดมทุนขนาดใหญ่

นโยบายด้านการศึกษาภาษาที่ 3 ของจีนไม่จำกัดเพียงแต่ในระดับสถาบันอุดมศึกษาเท่านั้น แต่ยังกระจาย ไปสู่การศึกษาในระดับอาชีวศึกษาและมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ขยายไปสู่ระดับมัธยมศึกษาในอนาคต ดังจะเห็นได้จาก ประกาศกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยมาตรฐานสาขาวิชาภาษาศาสตร์ระดับมัธยมปลาย (ประกาศฉบับปี ค.ศ. 2017 แก้ไขในปี ค.ศ. 2020) ได้ระบุให้นำภาษาที่ 3 อาทิ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเยอรมนี ภาษาฝรั่งเศส และภาษาสเปน เข้าใน หลักสูตรการเรียนการสอนระดับมัธยมปลายอย่างเป็นทางการ ซึ่งในอนาคตก็มีแนวโน้มที่ภาษาไทยจะเข้าไปเป็นหนึ่ง ในภาษาที่ 3 ในหลักสูตรการเรียนการสอนด้วย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ BRI เพราะภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคอาเซียน และยังมี ข้อได้เปรียบจากการดำเนินยุทธศาสตร์ “ประเทศไทย 4.0” ซึ่งมีความสอดคล้องและตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ BRI ในหลากหลายมิติ อันจะทำให้ทั้งประเทศไทยและประเทศจีนมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต จากข้อได้เปรียบ ข้างต้นทำให้ความต้องการบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษาไทยในประเทศจีนจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสอันดี ในการสร้างความร่วมมือทางด้านการผลิตกำลังคนที่รู้ทั้งภาษาไทยและความรู้พื้นฐานทางด้านวิชาชีพระหว่างไทยและจีนใน อนาคตข้างหน้าอีกด้วย

Download

ผู้แต่ง
เฉิน ซงหลิง และดร. เพ็ญพิสุทธิ์ สีกาแก้ว
วิทยาลัยนานาชาติจีน (Chinese International College)
สายงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม (RDI)
1 มีนาคม 2565
Credit Picture: Xinhua