เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของ ฯพณฯ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนตามโครงการ “One Belt One Road” ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริม การร่วมมือในการพัฒนาประเทศตามเส้นทางสายไหมทางเศรษฐกิจและเส้นทางสายไหมทางทะเลแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และก่อให้เกิดความเข้าใจเชื่อถือซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่มิตรภาพและความร่วมมือในทุกๆ ด้าน ดังนั้นสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาบุคลากรของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนทุกระดับและทุกภาคส่วน โดยขอเสนอโครงการดังต่อไปนี้
ในข้อเท็จจริงแล้วได้มีการจัดทำตำราเรียนภาษาจีนในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ปีแล้ว แต่เมื่อนำตำราเรียนดังกล่าวมาใช้ในการสอน ปรากฏว่ายังไม่สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยในบางเรื่อง ดังนั้นจึงมีนโยบายที่จะจัดทำตำราเรียนดังกล่าวให้เป็นมาตรฐานเหมาะสมและสอดคล้องกับหลักสูตร สามารถนำมาใช้ได้ในทุกระดับชั้นและทั่วประเทศไทย ซึ่งมีแนวทางดำเนินการคือ
ทั้งนี้ได้กำหนดให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้
สำนักงาน Hanban และสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลได้มีความเห็นร่วมกันว่าในปัจจุบันนี้ประเทศไทยขาดแคลนบุคลากรในระดับอาชีวะ ทำให้การพัฒนาประเทศในบางเรื่องไม่สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงจะต้องจัดทำโครงการสนับสนุนการศึกษาด้านอาชีวะให้อย่างกว้างขวาง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว ได้แก่ การจัดหาทุนให้นักศึกษาอาชีวะจากประเทศไทยไปศึกษา ณ วิทยาลัยอาชีวะในนครเทียนจินมาประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีแนวทางในการดำเนินการคือ
ซึ่งในเรื่องนี้จะสอดคล้องกับคำกล่าวของ Dr. Xu Lin ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่ Hanban ได้กล่าวไว้เมื่อครั้งเดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบป้ายสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล เมื่อวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2558 ณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล พิจารณาแล้วเห็นว่ามหาวิทยาลัยควรจะต้องเป็นแหล่งในการผลิตครู-อาจารย์ภาษาจีนแก่สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาจารย์สอนภาษาจีน ดังนั้นจึงจะต้องหาแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการเรียนการสอนภาษาจีนในระดับมหาวิทยาลัย โดยใช้มาตรฐานเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะต้องพัฒนาตำราเรียนพัฒนาทักษะการพูดให้แข็งแรง จะต้องกำหนดให้ครูอาสาสมัครสามารถสอนเพิ่มเติมในวิชาการล่าม วิชาภาษาจีนภาคบริการและอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความเจริญทางเติบโตทางเศรษฐกิจในปัจจุบันซึ่งมีแนวทางในการดำเนินการคือ
ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีนไทยได้พัฒนาไปอย่างแข็งแรงและมีเสถียรภาพซึ่งสามารถสรุปไว้ว่าความสำเร็จดังกล่าวเกิดจาก
- ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน มั่นคงและหนักแน่นยิ่งขึ้น
- ผลประโยชน์ร่วมกันกว้างขวางยิ่งขึ้น
- ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
- สายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและสังคมเหนียวแน่นยิ่งขึ้น
(คำกล่าวของ ฯพณฯ หนิง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย)
ซึ่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมากที่สุด คือประมาณ 7,000,000 คนในปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2558) ดังนั้นจึงมีนโยบายที่จะพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวของไทยให้มีความรู้ความสามารถในด้านภาษาและวัฒนธรรมจีนให้เป็นมาตรฐานสากล โดยจะมีแนวทางดำเนินการเป็น 2 ระดับ คือ
นอกจากการจะพัฒนาด้านตำราเรียนตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลจะมีโครงการพัฒนาครูผู้สอนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีแนวทางในการดำเนินการ คือ
สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล พิจารณาเห็นครูอาสาสมัครบางคนยังขาดประสบการณ์ในการสอนและความเข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทย ซึ่งในแต่ละภาคก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงขอเสนอเป็นสถาบันรับผิดชอบในการจัดฝึกอบรมครูอาสาสมัครชาวจีนทั้งหมดก่อนที่จะลงมือปฏิบัติงาน ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อให้สามารถเข้าใจและใช้ภาษาไทยในการสอนภาษาจีน ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมไทยซึ่งแตกต่างกันบางประการในแต่ละภูมิภาค ทั้งนี้เนื่องจากนักเรียนบางคนไม่สามารถพูดภาษาจีนได้ในระยะแรก จึงทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างล่าช้า
ด้วยในปัจจุบันนี้การใช้ภาษาจีนเป็นที่แพร่หลายและบางส่วนราชการก็ได้มีการใช้ภาษาจีนในการปฏิบัติงาน ซึ่งได้มีการขอให้พระพรหมมังคลาจารย์จัดหาครูไปสอนภาษาจีนให้ เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรมการแพทย์ทหารบก เป็นต้น ดังนั้นเพื่อให้การสอนภาษาและวัฒนธรรมจีนแก่ข้าราชการเป็นไปด้วยความต่อเนื่อง จึงมีแนวทางในการดำเนินการคือ
ปัจจุบันนี้ได้มีสถาบันการศึกษาและส่วนราชการต่างๆ แสดงความจำนงจะขอเข้าร่วมเป็นสาขาของสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำเป็นโครงการเร่งด่วนคือ
ตามที่ขณะนี้ได้มีมหาวิทยาลัยนอร์ทเทิร์น ฟิลิปปินส์ ได้แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าจะเข้าร่วมเป็นสาขา (เครือข่าย) ของสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลแล้วนั้น เพื่อการขยายการสอนภาษาและวัฒนธรรมจีนไปสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่ยังไม่มีสถาบันขงจื่อ ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการในการพัฒนาสถาบันขงจื่อปี 2016-2020 ที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้มีการศึกษาภาษาจีนในมหาวิทยาลัยทั่วโลก จึงมีแนวทางในการดำเนินงานคือ
สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล มีความประสงค์จะขอเป็นผู้แทนในการจัดสอบ HSK ด้วยอีกแห่งหนึ่ง โดยพิจารณาเห็นว่าอาจารย์ นักเรียน และผู้ประสงค์จะขอรับทุนไปศึกษาต่อที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ควรจะต้องผ่านการทดสอบ HSK ในระดับที่เหมาะสม ดังนั้นหากสถาบัน Hanban พิจารณาเห็นชอบในแนวคิดดังกล่าวจะทำให้การส่งเสริมการเรียนภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมให้การเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนได้เป็นที่แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว จึงได้กำหนดจัดเวทีให้ผู้สนใจการเรียนภาษาจีนในทุกระดับได้เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งได้จัดต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 11 ปีแล้ว ในแต่ละปีจะมีนักเรียนนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมากขึ้นตลอดมาโดยในครั้งที่ 11 มีผู้เข้าแข่งขันเกือบ 5,000 คน กิจกรรมนี้นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันความสามารถในการใช้ภาษาจีนแล้ว ยังจะทำให้สามารถเป็นสะพานในการติดต่อกับนักเรียนทุกคนได้ตลอดไปจากการบันทึกชื่อและสถานที่อยู่ของผู้เข้าแข่งขันทุกคน ซึ่งได้กำหนดแนวทางดำเนินการไว้ ดังนี้
เพื่อให้การส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศไทยได้อย่างแพร่หลายและรวดเร็วยิ่งขึ้น จึงเห็นควรจัดให้มีกิจกรรมที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม องค์ความรู้ของวัดเส้าหลิน และวัดม้าขาว ในเรื่องกังฟู และศิลปะการป้องกันตัวอื่นๆ กับศิลปะการป้องกันตัวของประเทศไทย เป็นต้น จึงได้กำหนดแนวทางในการดำเนินการดังนี้
สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเลจะดำเนินรวบรวมรายชื่อผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาจากสถาบันขงจื่อสำนักงานใหญ่ ซึ่งในขณะนี้ได้มีรายชื่อดังกล่าวอยู่จำนวนหนึ่งแล้ว โดยจะจัดให้มีการประชุมในระหว่างสมาชิกเพื่อขอรับความเห็นจากการที่ได้รับทุนการศึกษาและนำความรู้ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ตลอดจนข้อเสนอในการปรับปรุงทุนการศึกษาให้ก้าวหน้าต่อไป ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นการตอบสนองนโยบายของ Dr. Xu Lin ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานฮั่นปั้น ซึ่งได้กล่าวไว้ในพิธีปิดการประชุมสถาบันขงจื่อโลก ครั้งที่ 10 เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2558 ณ ศูนย์การประชุม Expo นครเซียงไฮ้